
นายชลิตพงศ์ สิรินนท์สกุล นายกสมาคมนักธุรกิจหาดใหญ่ เปิดเผยว่า ได้ผลักดันฟื้นฟูเศรษฐกิจย่านการค้าและตลาดสดพลาซ่า 2 จำนวน 220 ราย ให้กลับมาเป็นปกติโดยเร็วเพราะได้รับความเสียหาย 100% ส่วนกระบวนการช่วยเหลือในปัจจุบันซึ่งจากการเข้าถึงแหล่งเงินทุนระบบปกติธนาคารพาณิชย์จะใช้ระยะเวลานาน ไม่สอดรับสถานการณ์เร่งด่วน โดยเฉพาะผู้ค้ารายย่อยและแผงลอยในตลาดที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ที่จะส่งผลให้ไม่สามารถกลับมาดำเนินกิจการได้
“ตลาดพล่าซ่า 2 เสียหายขณะนี้สามารถเปิดทำการได้เพียง 20% จากทั้งหมด 220 แผง ขนาด 3 คูณ 3 และ 4 คูณ 4 เพราะผู้ค้าส่วนใหญ่ขาดเงินทุนหมุนเวียนไม่สามารถจัดหาสินค้ามาจำหน่ายหากไม่มีมาตรการสนับสนุนด้านเงินทุน ผู้ประกอบการจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวและกลายเป็นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในภาพรวม เนื่องจากตลาดพลาซ่า เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย และนักท่องเที่ยวต่างถิ่น เป็นอันดับต้นที่เข้ามาซื้อกิฟช๊อป ของกินเบ็ดเตล็ด เสื้อผ้า และรองเท้า หากศูนย์กลางสิ่งนี้ยังไม่เกิดบรรยากาศการดึงดูดนักท่องเที่ยวเมืองหาดใหญ่ครบวจรจะซบเซาไป”

นายชลิตพงศ กล่าวว่า ตลาดพลาซ่าถูกน้ำท่วมจะสูญเสีย 100 % เพราะเป็นการกางเต้นท์ชั่วคราว เพราะพลาซ่า 2 อยู่ระหว่างการก่อสร้างอาคารไม่สามารถกั้นป้องกันได้ที่จะสามารถนำมาซักฟอกใหม่เป็นสิ่งของได้ ประการสำคัญเพราะที่จะเทศกาลคริสมาสต์ โรงเรียนประเทศมาเลเซียปิดเทอม เทศกาลปีใหม่ และเทศกาลตรุษจีน ชาวมาเลเซียต่างเข้ามาท่องเที่ยวและช๊อปที่ตลาดพล่าซ่า จะซื้อไปฉลองในเทศกาลปีใหม่ และเทศกาลตรุษจีน พ่อค้าแม่ค้าจึงไปหาสินเชื่อซื้อสินค้าเก็บสต๊อกไว้ต่าง ในที่สุดได้รับความเสียหายหมด
“ทางออกภาครัฐ รัฐบาล ต้องสนับสนนุช่วยเหลือเท่านั้น จึงจะฟื้นกลับมาได้ แต่หากไปหาสินเชื้อก็จะต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน เมื่อไม่มีหลักทรัพย์จะหมดโอกาส จะต้องออกแบบเพื่อสนับสนุนซึ่งแต่ละรายจะเป็นเงินในระดับ 200,000 บาท และ 300,000 บาท ภาพรวมกว่า 60 ล้านบาท แต่เดิมเมื่อประสบกับอุทกภัยน้ำท่วมปี 2553 ธนาคารออมสิน ธนาคาร SME 0tเอาสัญญาเช่าแผงระหว่างผู้เช่ากับเทศบาลนครหาดใหญ่ เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน

พ่อค้าตลาดหน้าหอตลาดพลาซ่า เปิดเผยว่า ร้านค้าซึ่งมีขนาดใหญ่ได้รับความเสียหายเพราะระดับน้ำท่วมสูงเกือบ 6 เมตร ทรัพย์สินและสินค้าจมอยู่ในโคลนต้องเททิ้งทั้งหมด คาดการณ์มีมูลค่าถึงเกือบ 3 ล้านบาท เพราะเกิดเหตุน้ำท่วมเป็นช่วงที่ทางร้านค้าทั่ว ๆ ไปต่างได้ตุนสินค้าไว้มากที่สุดเพื่อขายช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะทำเงินจากนักท่องเที่ยวมาเลเซียได้ดี
“พ่อค้าแม่ค้าในตลาดต้องกาให้ภาครัฐมีมาตรการช่วยด้านหนี้สินและสินเชื่อโดยการลดหย่อน ชะลอการยึดทรัพย์ และไม่คิดดอกเบี้ยเพิ่ม แล้วยังได้เข้าร่วมโครงการคุณสู้เราช่วย แต่ว่ายังคงถูกธนาคารปรับตัดเงินอยู่ตลอด หากไม่ได้รับการช่วยเหลือก็ล้มกันหมด รัฐบาลต้องประสานกับธนาคาร”

นายชลิตพงศ์ กล่าวว่า เพื่อความชัดเจนภาครัฐ และผู้สนับสนุนจะมาตั้งเต้นท์รับเรื่องได้ที่ตลาดพลาซ่า 2 เพื่อดำเนินการถึงรายละเอียด แต่สำหรับในส่วนสมาชิกสมาคมนักธุรกิจหาดใหญ่ประมาณ 80% เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางมีทั้งโรงแรม ขนส่ง ผู้ค้าส่ง ยานยนต์ ฯลฯ ถึงจะประสบแต่พอมีทางช่วยเหลือเอง แต่รายย่อยภาครัฐนั้นจะต้องสนับสนุนอย่างเดียวที่จะมาได้
ทางนายณรงค์พร ณ พัทลุง นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ เปิดเผยว่า เทศบาลได้เร่งโครงการช่วยเหลือครัวเรือนผู้ประสบภัย โดยใช้งบประมาณรัฐบาล 49,000 บาท/ ราย เร่งสำรวจและรับรองข้อมูลประชาชนกว่า 70,000 ครัวเรือนให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้และจะต้องรอการอนุมัติงบประมาณจากรัฐบาล

ทางนายปรีชา กิจถาวร นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ เปิดเผยว่า ทางตนได้รับการประสานงานจากสถาบันการเงินเกี่ยวกับสินเชื่อเมื่อประสบภัยพิบัติ และในขณะเดียวกันทางรัฐบาลได้มาตรการสนับสนุนช่วยเหลือ การพักหนี้พักต้นพักดอกและซอฟโลน
“เพราะจากประสบการณ์จริง ทั้งเหตุการณ์มหาภัยพิบัติสีนามิ จ.ภูเก็ต ในกลุ่มทำธุรกิจโรงแรมจากนโยบายพักหนี้พักดอกซอฟโลนงดดอกเบี้ยระยะหนึ่ง และถัดไปคิดดอกเบี้ยภาพรวมประมาณ 5 ปีฟื้นตัวได้เช่นนเดียวกันน้ำท่วมใหญ่หาดใหญ่ ปี 2553 ใช้มาตรการเดียวกันระยะหนึ่งกลับมาฟื้นตัวได้”

นายปรีชา กล่าวว่า แต่หาดใหญ่ในปี 2553 มาตรการต่างถึงไปยังรายขนาดใหญ่ แต่รายขนาดกลางขนาดเล็กเข้าไม่ถึง เพื่อให้เข้าถึงจะต้องยืดหยุ่นผ่อนปรนหลักการ ซึ่งวงเงินไม่เกิน 3 ล้าน และไม่เกิน 5 ล้านบาท รัฐบาลสามารถดำเนินการได้เพื่อให้เข้าถึง หาไม่แล้วจะต้องหายไปและผลกระทบจะเกิดกับเศรษฐกิจ.







