Sunday, 22 December 2024 - 4 : 26 pm
kanda_002
OIC_001
data-no-lazy="1"
kanda_002
OIC_001

ททท.ลุยผลักดันท่องเที่ยวสู้พายุเศรษฐกิจ หวังจีนปลดล็อก เที่ยวไทยทะลุ 12 ล้านคน

“พิพัฒน์” หวังท่องเที่ยวไทยจะเป็นตัวช่วยแก้ปัญหา PERFECT STORM หรือพายุเศรษฐกิจลูกใหญ่สมบูรณ์แบบที่เกิดขึ้นในรอบ 100 ปีในโลก หวัง “สี จิ้นผิง” มาไทยในการ ประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก 2022 เดือน พ.ย.นี้ จะคลายล็อกอนุญาต ให้ชาวจีนเที่ยวไทยปลายปีนี้ ดันยอดทัวริสต์ต่างชาติปีนี้เกินเป้า 10 ล้านคน เป็น 12 ล้านคน

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา(ททท.) กล่าวว่า การระบาดของโควิด-19 ถือเป็นคลื่นพายุเศรษฐกิจที่มีความรุนแรงมาก เชื่อว่าโอกาสที่จะเจอพายุแบบนี้มีเพียง 100 ปี เกิดขึ้น 1 ครั้งเท่านั้น คาดหวังว่าเราจะไม่ต้องเจอพายุแบบนี้อีกแล้วในช่วงชีวิตที่มีอยู่ ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวจะเป็นเครื่องมือฟื้นประเทศ ทั้งเศรษฐกิจ วัฒนธรรม สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่ตั้งเป้าหมายการเติบโตอย่างทั่วถึง สมดุล และยั่งยืน

นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ปี 2565 เชื่อมั่นว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาได้ตามเป้าหมายที่ 10 ล้านคนแน่นอน เนื่องจากขณะนี้มีเข้ามาสะสมเกือบ 6 ล้านคนแล้ว ส่วนการท่องเที่ยวในประเทศ ตั้งเป้าการเดินทางของตลาดไทยเที่ยวไทยไว้ที่ 160 ล้านคน-ครั้ง ซึ่งขณะนี้มีการเดินทางสะสมเกิน 130 ล้านคน-ครั้งแล้ว จึงมั่นใจว่าทำได้ตามเป้าหมายแน่นอน แต่ความกังวลตอนนี้อยู่ที่เป้าหมายในแง่รายได้ อาจไปไม่ถึงที่ตั้งไว้ 1.28 ล้านล้านบาท และยังห่างจากเป้าหมายที่นายกรัฐมนตรีตั้งไว้ให้สร้างรายได้ถึง 1.5 ล้านล้านบาทด้วย

พิพัฒน์ รัชกิจประการ

อย่างไรก็ตาม ต้องรอติดตามการเดินทางของนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ซึ่งยืนยันการเดินทางมาเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก 2022 ระหว่างวันที่ 13-18 พ.ย.นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ว่าจะมีการประกาศผ่อนคลายมาตรการเดินทาง อนุญาตให้นักท่องเที่ยวจีนมาประเทศไทยหรือไม่ “ต้องรอดูว่าช่วงที่นายสี จิ้นผิง เดินทางมาร่วมประชุมเอเปก 2022 จะมีการมอบของขวัญให้ประเทศไทยก่อนปีใหม่ ด้วยการอนุญาตให้ชาวจีนเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยหรือไม่ ถ้าได้ คาดว่าจะทำให้เฉพาะเดือน ธ.ค.นี้มีชาวจีนเดินทางมาเที่ยวไทย 1.5 ล้านคน และทำให้ตลอดปีนี้มีต่างชาติเที่ยวไทยเกินเป้า 10 ล้านคน เพิ่มเป็น 12 ล้านคน”

นายพิพัฒน์ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการขยายเวลาการเปิดสถานบันเทิง จากตี 2 เป็นตี 4 ว่า เบื้องต้นได้คุยกับกระทรวงมหาดไทยเพื่อแก้ พ.ร.บ.ของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากอยู่ที่ว่าจะยอมแก้ให้หรือไม่มากกว่า ขณะเดียวกันกำลังรวบรวมข้อมูลวิจัยของปี 62 จาก 3 สถาบัน ส่งมอบให้กระทรวงมหาดไทย เพื่อให้เห็นถึงผลดีและผลเสียว่า ในพื้นที่ที่จะเปิดนำร่องไม่มีเสียงค้านจากประชาชน โดยจะยื่นเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) “ผลสำรวจและวิจัยการปิดสถานบริการเวลา 04.00 น. ถนนคนเดินบางลา ต.ป่าตอง จ.ภูเก็ต พบว่า ช่วงเวลา 03.00-04.00 น. ร้านค้าและสถานบันเทิงสร้างรายได้รวมเฉลี่ยต่อคืนสูงสุด 78 ล้านบาท เพราะพฤติกรรมนักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่เลือก ออกจากโรงแรมเวลา 23.00 น. เพื่อมาถนนบางลา ซึ่งหากไม่สามารถใช้จ่ายในสถานบริการได้หลายที่และนานขึ้น จะสูญเสียโอกาสสร้างรายได้เข้าประเทศมหาศาล เฉลี่ย 70 ล้านบาทต่อวัน เนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ใช้จ่ายช่วง 01.00-04.00 น.”

ทั้งนี้ ข้อดีของการขยายเวลาเปิดสถานบริการถึง 04.00 น. คือรายได้เข้าประเทศเพิ่มขึ้น มีการกระจาย รายได้ การจ้างงานเพิ่มขึ้น การพัฒนาด้านทรัพยากรมนุษย์ ดีขึ้น ลดค่าใช้จ่ายภาครัฐ เช่น การจัดการขยะ การดูแลรักษาความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว ขณะที่การปิดสถานบริการ 01.00 น. จะทำให้สูญเสียรายได้เข้าประเทศกว่า 25,000 ล้านบาทต่อปี จากเวลา ที่จำกัดและพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป มีการกระจายรายได้ไปธุรกิจต่อเนื่องน้อยลง.

© 2021 thairemark.com