Friday, 29 March 2024 - 9 : 41 pm
kanda_002
OIC_001
data-no-lazy="1"
kanda_002
OIC_001

“ชัชชาติ”เตรียมผลักดัน”กทม.” เป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภูมิภาค เมืองน่าลงทุน

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ หารือหอการค้าไทย-จีน ผลักดันกรุงเทพฯ เป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภูมิภาค เพื่อดึงการประชุมจากทั่วโลก ให้มาจัดอยู่ที่กรุงเทพฯ และให้เป็นเมืองที่น่าลงทุน

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุมหารือความร่วมมือกับ นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน ณ อาคารไทย ซี.ซี. ทาวเวอร์ ชั้น 9 เขตสาทร เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา

นายชัชชาติ กล่าวว่า กรุงเทพฯ พร้อมจะเป็นเมืองศูนย์กลางการจัดงานต่างๆ ให้นานาชาติเข้ามาจัดการประชุมในกรุงเทพฯ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและผู้ประกอบการ ซึ่งขณะนี้กรุงเทพฯ พร้อมแล้วที่จะแข่งขันกับฮ่องกงและสิงคโปร์ ถ้าเราร่วมมือร่วมใจกัน

ทั้งนี้นโยบายหลักของ กทม. เป็นเรื่องง่ายๆ คืออยากให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าอยู่ ซึ่งฟังแล้วเป็นเรื่องง่ายๆ แต่การปฏิบัตินั้นไม่ง่าย หน้าที่ของผู้ว่าฯ กทม. นอกจากการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมแล้ว ผู้ว่าฯ กทม. ยังต้องดูแลเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเนื่องจากเป็นหัวใจของเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสร้างงาน การหารายได้ให้เมือง การนำภาษีมาบริหารจัดการเมือง และมีหน้าที่ในการบริหารประสิทธิภาพของเมืองให้ธุรกิจต่างๆ เดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น

เนื่องจาก กทม. เป็นผู้บังคับใช้กฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ ซึ่งก็ต้องอำนวยความสะดวกจากทางราชการให้โปร่งใส รวดเร็ว ฉับไว เพื่ออำนวยความสะดวกต่อภาคธุรกิจ เช่น การประสานขั้นตอนในการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติให้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น การประสานเรื่องการขาดแคลนแรงงานที่พูดภาษาอังกฤษได้ โดยทางหอการค้าไทย-จีน มีนักธุรกิจและผู้ประกอบการอยู่กว่าหมื่นคน ที่สามารถสร้างงานได้เป็นแสนตำแหน่ง เพิ่มรายได้ให้กับเมืองได้อีกจำนวนมากอีกด้วย

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในอนาคตได้ตั้งเป้าให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของภูมิภาค เช่น การจัดประชุมนานาชาติ เพื่อนำการประชุมจากทั่วโลกให้มาจัดประชุมที่กรุงเทพฯ ซึ่งเรามีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ที่เพิ่งปรับปรุงใหม่ พื้นที่กว่า 300,000 ตารางเมตร มีหอประชุมที่เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรีใกล้กับกรุงเทพฯ มีโรงแรมเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและการประชุมกว่า 100,000 ห้อง รวมถึงมี Office Space อีกกว่า 10 ล้าน ตร.ม. พร้อมรองรับการจัดประชุมในธุรกิจไมซ์ (MICE) ซึ่งมีความสำคัญในการกระตุ้นและดึงบริษัทข้ามชาติเข้ามาลงทุนในกรุงเทพฯ อาทิ ธุรกิจ Jewelry ธุรกิจสร้างสรรค์ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจ Creative Economy โดยให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางธุรกิจได้ จึงเป็นที่มาของการหารือกับสมาคมฯ ในวันนี้ ซึ่งจะมีการหารือในกลุ่มย่อยเพื่อลงรายละเอียดความร่วมมือด้านต่างๆ ต่อไป

“เป้าหมายของเรา นอกจากจะทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวที่สุดในโลก เรายังส่งเสริมให้เป็นกรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าลงทุนที่สุดอีกด้วย สุดท้ายแล้วกรุงเทพฯ จะเป็นศูนย์กลาง ที่มีทุกอย่างพร้อมในการประกอบธุรกิจ ซึ่งเราต้องร่วมมือกันและไว้ใจซึ่งกันและกัน เชื่อว่ากรุงเทพฯ จะทะยานขึ้นเป็นอันดับต้นๆ ของโลกในการประกอบธุรกิจได้อย่างแน่นอน” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว

นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า หอการค้าไทย-จีน ยินดีที่จะให้การสนับสนุนกิจกรรมของ กทม. เพื่อร่วมกันสร้างกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองทันสมัย มีความปลอดภัยน่าอยู่ แต่ยังคงรักษาศิลปวัฒนธรรมของชาติ ซึ่งจะทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีเสน่ห์สำหรับชาว กทม. และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยในปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่การระบาดของโควิด-19 มีความรุนแรง หอการค้าไทย-จีน ได้สนับสนุนการทำงานของ กทม. โดยการบริจาคเวชภัณฑ์ เพื่อนำไปช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์และประชาชน จำนวน 4 ครั้ง คือ เมื่อวันที่ 17, 23 และ 30 เมษายน และวันที่ 7 พฤษภาคม และต่อมาเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2563 หอการค้าไทย-จีน ได้บริจาคพัดลมไฟฟ้าให้กับโรงเรียนต่างๆ ใน กทม. เพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้

© 2021 thairemark.com