Sunday, 3 August 2025 - 2 : 53 am
68.06.09-ส่งเว็บremark-320x100px_CREai
OIC_001
data-no-lazy="1"
68.06.09-ส่งเว็บremark-320x100px_CREai
OIC_001

“สฤษฏ์พงษ์” ประธาน กมธ.แรงงาน แนะรัฐฯเตรียมมาตรการรองรับขาดแคลนแรงงาน หลังกัมพูชาแห่กลับภูมิลำเนา

“กมธ.แรงงาน แนะรัฐฯ เตรียมมาตรการรองรับขาดแคลนแรงงานเขมรถูกกฎหมาย 540,000 คน แห่กลับภูมิลำเนา หวั่นกระทบเศรษฐกิจระยะยาว หลังไทย-กัมพูชาสู้รบกัน และจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หวังแรงงานไทยทำงานต่างประเทศหวนกลับทำงานไทย พร้อมเสนอจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวใหม่ทุกสัญชาติ เก็บอัตราลักษณ์ นำสื่อ  Social Media เป็นสาธารณะ (Public) เพื่อง่ายต่อการติดตามและตรวจสอบ ทั้งนำปัญญาประดิษฐ์ AI ปรับใช้ติดตามแรงงานที่พำนักอยู่ในประเทศไทยแบบ Real Time รวมทั้ง ขอความร่วมมือจากบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ เพื่อระงับสัญญาณเมื่อเกิดปัญหาด้านความมั่นคง”

นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า คณะกรรมการธิการฯได้ประชุมเพื่อพิจารณาเรื่อง แนวทางการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวอันเนื่องมาจากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเชิญ ปลัดกระทรวงแรงงาน อธิบดีกรมการจัดหางาน ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 อาคารรัฐสภา สรุปสาระสำคัญที่ประเทศไทยได้เผชิญกับสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาซึ่งนับเป็นเหตุปะทะที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปี โดยจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีการยิงปะทะกันระหว่างกองกำลังของทั้ง 2 ประเทศ

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ทหารและประชาชนทั่วไป เสียชีวิต รวมทั้งบางส่วนได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกัน ประชาชนในพื้นที่แนวชายแดนจำนวนมากได้อพยพออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย ทำให้การใช้ชีวิตในพื้นที่เหล่านี้หยุดชะงัก และเกิดความตึงเครียดสูงสุดระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ นอกจากความเสียหายด้านชีวิตและทรัพย์สินแล้ว สถานการณ์ดังกล่าวยังได้ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อกลุ่มแรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญในภาคเศรษฐกิจของไทยในหลายภาคส่วน ทั้งภาคการเกษตร ภาคการก่อสร้าง ภาคการแปรรูปอาหาร และภาคการบริการ โดยในปัจจุบัน มีแรงงานกัมพูชาที่ทำงานอย่างถูกต้องในประเทศไทย จำนวนมากกว่า 540,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยและทำงานอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง

ผู้แทนกรมการจัดหางาน ให้ข้อมูลต่อที่ประชุมว่า กระทรวงแรงงาน ได้ออกมาตรการบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบดังกล่าว โดยเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมาที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบให้แรงงานต่างด้าวที่ใบอนุญาตหมดอายุ หรือยังอยู่ระหว่างกระบวนการต่ออายุ สามารถอยู่ในประเทศไทยต่อได้อีก 6 เดือนโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม พร้อมทั้งอนุญาตให้แรงงานสามารถ เปลี่ยนนายจ้างได้ไม่เกิน 3 ราย ภายในระยะเวลาดังกล่าว เพื่อให้มีความยืดหยุ่นในการจ้างงาน และป้องกันการขาดแคลนแรงงานในภาคเศรษฐกิจที่สำคัญ

ผู้แทนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้ข้อมูลต่อที่ประชุมเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชาซึ่งส่งผลกระทบต่อแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ชายแดน มาตรการคัดกรองและตรวจสอบบุคคลต่างด้าวที่เดินทางเข้าออกบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา การควบคุมและติดตามแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายในพื้นที่เสี่ยง การดำเนินการผลักดันแรงงานต่างด้าวกลับประเทศต้นทางตามขั้นตอนกฎหมายและหลักมนุษยธรรม รวมถึงข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและแนวทางดำเนินการเร่งด่วน โดยแรงงานกัมพูชาส่วนใหญ่เข้ามาทำงานในภาคการเกษตร และภาคการก่อสร้าง ในช่วงระยะเวลานี้ แรงงานกัมพูชาได้เดินทางกลับประเทศต้นทางจำนวนมาก ซึ่งอาจทำให้ผู้ประกอบการในประเทศไทยขาดแคลนแรงงานได้ และเห็นว่ารัฐบาลไม่ควรดำเนินการผลักดันแรงงานกัมพูชากลับประเทศต้นทางทั้งหมด เพราะอาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของประเทศได้

ที่ประชุมได้เสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ดังนี้

1. รัฐบาลควรมีแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตการว่างงานของแรงงานไทยอย่างเป็นรูปธรรม

2. รัฐบาลควรปรับสมดุลด้านแรงงาน เนื่องจากปัจจุบันมีจำนวนแรงงานกัมพูชาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ประมาณ 540,000 คน และหากมีการผลักดันแรงงานกัมพูชากลับประเทศต้นทาง จะส่งผลให้ประเทศไทยขาดแคลนแรงงานจำนวนมาก ดังนั้น รัฐบาลไทยควรมีแนวทางหรือมาตรการรองรับการเกิดปัญหาดังกล่าวในอนาคต โดยอาจสร้างแรงจูงใจให้แรงงานไทยทำงานในประเทศมากกว่าการทำงานในต่างประเทศ เพื่อทดแทนแรงงานที่ขาดแคลนจากการส่งแรงงานกัมพูชากลับประเทศต้นทาง

3. รัฐบาลควรจัดเก็บอัตราลักษณ์ของแรงงานต่างด้าวทุกสัญชาติ และการบังคับให้แรงงานต่างด้าวเปิดสื่อ Social Media เป็นสาธารณะ (Public) เพื่อง่ายต่อการติดตามและตรวจสอบ

4. รัฐบาลควรนำปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) มาปรับใช้เพื่อติดตามแรงงานต่างด้าวระหว่างที่พำนักอยู่ในประเทศไทยแบบ Real Time รวมทั้ง ขอความร่วมมือจากบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ เพื่อระงับสัญญาณเมื่อเกิดปัญหาด้านความมั่นคง

5. คณะกรรมาธิการเสนอแนะให้รัฐบาลพิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวทำงานต่อในประเทศไทย โดยเฉพาะแรงงานกัมพูชาเว้นแต่จะมีข้อยกเว้นพิเศษขอให้คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นกรณีไป

6. รัฐบาลควรจัดตั้งศูนย์บริหารแรงงานกัมพูชาในสภาวะวิกฤต โดยอาจประกาศนำร่องเฉพาะจังหวัด เพื่อบูรณาการการ

นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร

ทำงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพที่ประชุมมีมติ ดังนี้

1) ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ทำหนังสือเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อนำเสนอแนวนโยบายการแก้ไขปัญหาด้านแรงงาน เพื่อให้รัฐบาลนำไปพิจารณาแก้ไขปัญหาให้เป็นรูปธรรมต่อไป

2) กำหนดให้มีการประชุมเพื่อพิจารณาเรื่อง “แผนการรักษาความมั่นคงด้านแรงงาน เพื่อรองรับภาวะวิกฤตฉุกเฉินของประเทศไทยอันเนื่องมาจากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา” ซึ่งเป็นการพิจารณาสืบเนื่องจากวาระการประชุมในครั้งนี้ซึ่งอาจเป็นการประชุมลับ โดยเชิญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงแรงงานเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการ ในวันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม  2567 เพื่อหาแนวทางลดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อไป

© 2021 thairemark.com