นายชายศักดิ์ วุฒิศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 12 นครสวรรค์ (สศท.12) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า การเกษตรแบบผสมผสานเป็นระบบเกษตรกรรมยั่งยืน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เกษตรกร ให้ความสนใจ เพราะในพื้นที่ที่ทำการเกษตรนั้น สามารถมีผลผลิตหลายชนิดออกขายสู่ตลาดได้ ตั้งแต่ผลผลิตที่เป็นพืชผัก ไม้ผล ตลอดไปจนถึงในเรื่องของการเลี้ยงสัตว์ จึงทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น และสำคัญที่สุดคือผู้ปลูกต้องได้ประโยชน์ มากที่สุด แล้วยังสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนด้วยเช่นกัน ในสภาวะที่ภาคเกษตรไทยเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ดังนั้น เกษตรผสมผสานจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการสร้างรายได้เพื่อนำไปสู่การดำรงชีพที่มั่นคงสำหรับเกษตรกร
ชายศักดิ์ วุฒิศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 12 นครสวรรค์ (สศท.12)
จากต้นแบบของเศรษฐกิจการเกษตรอาสา (ศกอ.) ของ สศท.12 ที่ประสบความสำเร็จในการทำเกษตรผสมผสาน คือ นายสรรเสริญ สวรรค์บรรพต ศกอ. อำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร และเป็นประธานศูนย์การเรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) อำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร อีกทั้งยังเป็นผู้จัดการแปลงใหญ่ผัก ตำบลวังหามแห อำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร เป็นประธานแปลงใหญ่มันสำปะหลัง ตำบลบ่อถ้ำ อำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร และประธานวิสาหกิจชุมชนผักแปลงใหญ่และพืชสมุนไพรหนองช้างงาม ซึ่ง สศท.12 ได้ลงพื้นที่และสัมภาษณ์นายสรรเสริญ บอกเล่าว่า เดิมนั้นตนทำการเกษตรแบบเชิงเดี่ยว
แต่ประสบปัญหาภัยแล้ง เนื่องจากภาวะฝนทิ้งช่วง ส่งผลให้ผลผลิตเสียหาย ไม่ได้คุณภาพและปริมาณตามต้องการ จึงใช้สารเคมีบำรุง ทำให้สภาพดินเสื่อม ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และรายได้ลดลง จึงได้ศึกษาและเข้าอบรมในหลักสูตรต่าง ๆ อาทิ เทคนิคการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงภาคการเกษตรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พัฒนาเกษตรกรเป็นผู้จัดการแปลงของสำนักงานเกษตรจังหวัดกำแพงเพชร ทำให้เกิดทักษะในด้านการทำเกษตรและปรับเปลี่ยนมาทำเกษตรแบบผสมผสาน ตั้งแต่ปี 2557 รวมทั้งประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนการทำเกษตร
ปัจจุบันการทำเกษตรแบบผสมผสานของนายสรรเสริญ ได้จัดสรรพื้นที่ จำนวน 45 ไร่ แบ่งออกเป็น มันสำปะหลัง จำนวน 15 ไร่ ไม้ผลและพืชผักสวนครัว จำนวน 23 ไร่ ได้แก่ มะม่วง พริก มะเขือ ฟักแฟง ฟักทอง กระเจี๊ยบเขียว และมะละกอ ปศุสัตว์ จำนวน 1 ไร่ ได้แก่ การเลี้ยงไก่ไข่ และไก่เนื้อ สระน้ำ จำนวน 1 ไร่ โดยเพาะเลี้ยงปลาตะเพียน และพื้นที่ส่วนที่เหลือเป็นที่อยู่อาศัยและโรงเรือน Hydroponics โรงเพาะเลี้ยงกล้าพืช โรงอบพลังงานแสงอาทิตย์ อาคาร ศพก. และศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง สำหรับกิจกรรมทางการเกษตรที่น่าสนใจและสร้างรายได้ คือ การปลูกมันสำปะหลัง พันธุ์ห้วยบง 80
โดยใช้ระบบน้ำหยด ทำให้ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูก โดยในปีเพาะปลูก 2566/67 พบว่า นายสรรเสริญ มีต้นทุนการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 1,280 บาท/ไร่/ปี ได้ผลผลิตรวม 75 ตัน/ปี ผลผลิตเฉลี่ย 5,000 กิโลกรัม/ไร่/ปี ผลตอบแทนเฉลี่ย 9,000 บาท/ไร่/ปี ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย (กำไร) 7,720 บาท/ไร่/ปี ราคาหัวมันสำปะหลังสดคละ ที่เกษตรกรขายได้ในพื้นที่ (ราคา ณ เดือนธันวาคม 2567) เฉลี่ย 1.60 บาท/กิโลกรัม ซึ่งเกษตรกรที่นำหัวมันสดมาขาย ตามลานรับซื้อสามารถเลือกได้ว่าจะวัดเปอร์เซ็นต์แป้ง หรือขายแบบคละ ทั้งนี้ หากคิดเป็นรายได้ของกิจกรรมทั้งหมดในการทำเกษตรผสมผสาน นายสรรเสริญจะมีรายได้ประมาณ 500,000 บาท/ปี
นอกจากผลสำเร็จในทำเกษตรแบบผสมผสาน และการปลูกมันสำปะหลังแล้ว ปัจจุบัน ศพก. ขาณุวรลักษบุรี ยังเป็นแหล่งสำหรับเรียนรู้และศึกษาดูงานในเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมันสำปะหลัง โดยนายสรรเสริญ เป็นวิทยากรประจำศูนย์เรียนรู้ฯ มีหน้าที่ในการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรเกี่ยวกับเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตการผลิต มันสำปะหลัง การจัดทำบัญชีครัวเรือนและต้นทุนการประกอบอาชีพ ความรู้ด้านเกษตรผสมผสานและเศรษฐกิจพอเพียงให้แก่เกษตรกรในชุมชน ซึ่งกิจกรรมของศูนย์เรียนรู้ฯ ประกอบด้วย การจัดการดินและปุ๋ย
การเลือกใช้พันธุ์มันสำปะหลังพันธุ์ดี ระบบน้ำหยดมันสำปะหลัง นวัตกรรมการปลูกมันสำปะหลังแนวใหม่ การปลูกพืชทางเลือกทดแทนมันสำปะหลัง และการปลูกกล้วยไข่พันธุ์กำแพงเพชร โดยมีหน่วยงานภาครัฐ เอกชน รวมถึงเกษตรกร ทั้งในและนอกพื้นที่ให้ความสนใจเข้าศึกษาดูงาน ปีละประมาณ 800 คน หากท่านใดสนใจข้อมูลหรือมีความประสงค์เข้าศึกษาดูงานการปลูกมันสำปะหลัง สามารถติดต่อได้ที่นายสรรเสริญ สวรรค์บรรพต สถานที่ ตำบลวังหามแห อำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชรโทร 08 7199 9589