ฯพณฯ ฮุเซน อะมีรอับดุลลอฮียอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน เดินทางมายังประเทศญี่ปุ่นเพื่อเยือนอย่างเป็นทางการและพบปะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศนี้
ฯพณฯ ฮุเซน อะมีรอับดุลลอฮียอน ได้ประชุมแยกต่างหากเพื่อหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นเกี่ยวกับสถานะล่าสุดของความสัมพันธ์ทวิภาคี ปัญหาระดับภูมิภาค และการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ระหว่างประเทศ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน กล่าวแสดงความยินดีกับการวางแผนงานความร่วมมือระยะยาวระหว่างทั้งสองประเทศ และได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม นอกจากนี้ ฯพณฯ อะมีรอับดุลลอฮียอน ยังได้เน้นย้ำถึงบทบาทที่โดดเด่นของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านในการส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงานในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย ด้วยเช่นกัน
เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นยังแสดงความพอใจกับการพัฒนาเชิงบวกครั้งใหม่ในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย และโตเกียวได้ประกาศสนับสนุนสำหรับความร่วมมือในภูมิภาคเพื่อส่งเสริมความมั่นคงที่ยั่งยืน
ช่วงเวลาเดียวกันกับการเยือนญี่ปุ่นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน คณะผู้แทนจากพิพิธภัณฑ์สันติภาพเตหะราน ซึ่งเป็นตัวแทนของทหารผ่านศึก(จากอาวุธเคมี) จากสงคราม 8 ปีของอิรักกับอิหร่านในช่วงทศวรรษที่ 1980 ได้เข้าร่วมในพิธีรำลึกถึงเหยื่อของการทิ้งระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรชิมา ในปี 1945 ที่กระทำโดยสหรัฐอเมริกา
อิหร่านและญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์อันยาวนานต่อกัน และโตเกียวเป็นหนึ่งในผู้ซื้อน้ำมันอิหร่านรายใหญ่ที่สุดของอิหร่านก่อนที่ตะวันตกจะคว่ำบาตรเตหะราน อย่างไรก็ตาม การที่ญี่ปุ่นปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวของสหรัฐฯ ได้กลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาความร่วมมือทวิภาคีนี้
เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านไปเยือนปากีสถาน และได้พบและพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, ประธานวุฒิสภา และสมัชชาแห่งชาติ ตลอดจนผู้บัญชาการกองทัพปากีสถาน ระหว่างการเดินทางครั้งนี้ ทั้งสองประเทศได้ลงนามในเอกสารความร่วมมือ 3 ฉบับ ซึ่งรวมถึงแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี สำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
ฯพณฯ อะมีรอับดุลลอฮียอน มองว่าปริมาณการค้าประมาณ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ระหว่างอิหร่านและปากีสถานเป็นสัญญาณของพลวัตรทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ และเรียกร้องให้มีการส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีที่เพิ่มมากขึ้น