Friday, 3 January 2025 - 10 : 39 am
kanda_002
OIC_001
data-no-lazy="1"
kanda_002
OIC_001

ผบช.สอท. เผยจ่าสิบโทปัดแฮก 55 ล้านรายชื่อ ยันทำคนเดียวโดยซื้อข้อมูลมา ยังไม่ได้เผยแพร่

ผบช.สอท. เผย พบหลักฐานในห้อง จ.ส.ท. เป็นคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ด้านเจ้าตัวอ้างซื้อข้อมูลจากเว็บมืดมาขายต่อ ปัดแฮกระบบขโมยข้อมูล ทั้งหมดทำคนเดียว ก่อนคุมตัวส่งศาลขอฝากขัง

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พร้อม พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. แถลงการจับกุม จ่าสิบโทเขมรัตน์ บุญช่วย สังกัด ขส.ทบ. ผู้ต้องหาในข้อหา “นำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ, เผยแพร่ ส่งต่อข้อความอันเป็นเท็จฯ ตามความใน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์” ซึ่งเป็นแฮกเกอร์นาม “9near” ที่นำข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านรายชื่อจากหน่วยงานรัฐไปเผยแพร่ผ่านบนโลกออนไลน์

ขณะที่ นายชัยวุฒิ กำลังแถลงข้อมูลกับผู้สื่อข่าว ทางเจ้าหน้าที่ได้คุมตัว จ.ส.ท.เขมรัตน์ ขึ้นรถไปพร้อมกับตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (พฐก.) เพื่อไปตรวจสอบที่พักและค้นหาพยานหลักฐานต่างๆ ที่ใช้ในการก่อเหตุ ซึ่งผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามแรงจูงใจและจุดประสงค์การก่อเหตุ แต่ จ.ส.ท.เขมรัตน์ ยกมือไหว้พร้อมบอกว่าเดี๋ยวให้ฟังการแถลงข่าวก่อน

รมว.กระทรวงดีอีเอส กล่าวต่อว่า ภายหลัง จ.ส.ท.เขมรัตน์ ถูกส่งตัวมายัง บช.สอท. เพื่อสอบปากคำ จากนี้จะคุมตัวไปยังที่พักเพื่อตรวจสอบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ก่อเหตุ ทั้งนี้จากการสอบปากคำเจ้าตัวรับว่าได้ซื้อข้อมูลส่วนตัวคนไทยมาจากดาร์กเว็บที่เอฟบีไอเคยสั่งปิดไปแล้ว แต่พบว่ายังมีข้อมูลถูกนำมาขายอยู่ตามช่องทางที่กลุ่มแฮกเกอร์ใช้งาน อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบว่าข้อมูลดังกล่าวที่ถูกนำมาเผยแพร่ถูกนำไปขายหรือใช้ต่อ โดย จ.ส.ท.เขมรัตน์ อ้างว่าได้ทำลายข้อมูลไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังต้องตรวจสอบเพิ่มเติม ทั้งนี้ในอนาคตต้องเพิ่มความเข้มงวดการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล หน่วยงานที่เก็บข้อมูลต้องป้องกันการถูกเจาะข้อมูล ซึ่งไม่ทราบว่าข้อมูลที่หลุดออกไปนั้นเป็นการสะสมมาตั้งแต่ช่วงเวลาใด เชื่อว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางการเมือง และไม่น่ามีผู้ใดอยู่เบื้องหลัง

ด้าน พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า จากการสอบปากคำ จ.ส.ท.เขมรัตน์ รับสารภาพว่าทำเพียงคนเดียว อ้างว่าซื้อข้อมูลมาจากเว็บบีทฟอรั่ม ไม่ได้เป็นการแฮก โดยทำไปเพื่อเป็นการทดลองว่า จะมีรายชื่อของตัวเองอยู่หรือไม่ ก่อนจะพบว่ามีชื่อตัวเองกับญาติอยู่จริง จึงซื้อข้อมูลมาโพสต์แต่ยังไม่ดัง ก่อนจะเอารายชื่อที่ซื้อมาให้อินฟลูเอนเซอร์ที่รู้จักโพสต์ก่อนจะดัง เป็นการลงมือไปเพียงเพราะอยากดัง โดยเจ้าตัวยอมรับว่าเป็นผู้ส่งข้อความที่แสดงให้รู้ว่าตัวเองมีข้อมูลส่วนบุคคลอยู่จริง ซึ่งได้ซื้อมา 8 ล้านเรคคอร์ทในราคา 8,000 บาท อ้างว่ามีไม่ถึง 55 ล้านรายชื่อตามที่เป็นข่าว

พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวอีกว่า จ.ส.ท.เขมรัตน์ จบปริญญาตรีด้านเทคโนโลยีสารนิเทศ เป็นผู้ที่มีความรู้และเชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ ส่วนแฟนเขาที่เป็นพยาบาล ทำหน้าที่ดูแลคนไข้ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบใด ทั้งนี้ จ.ส.ท.เขมรัตน์ ยอมรับว่าหลักฐานตามหมายจับสอดคล้องกับพฤติกรรมก่อเหตุ โดยทหารพระธรรมนูญกับทางผู้ต้องหา ยินยอมให้ไปตรวจค้นที่พัก จากนี้จะคุมตัวไปตรวจสอบพร้อมกองพิสูจน์หลักฐานและนำตัวกลับมาเพื่อสอบปากคำและส่งฟ้องต่อศาลต่อไป อย่างไรก็ตาม หลังก่อเหตุ จ.ส.ท.เขมรัตน์ ได้ตระเวนหลบหนีไปหลายสถานที่ เพราะตำรวจได้วางกำลังซุ่มติดตามกลุ่มคนใกล้ชิดเอาไว้ โดยเจ้าตัวอ้างว่าได้หลบหนีเพียงคนเดียว

รายงานข่าวแจ้งว่าได้นำตัว จ.ส.ท.เขมรัตน์ ไปค้นห้องพักที่แฟลตทหาร เลขที่ 133/43 อาคาร 10 ชั้น 7 ภายในโรงเรียนทหารขนส่ง กรมการขนส่งทหารบก ถนนติวานนท์ ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อตามหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับทางคดีทั้งหมด โดยใช้เวลาในการตรวจค้นนานกว่า 1 ชั่วโมง พร้อมตรวจยึดฮาร์ดดิสก์ 7 ตัว, อุปกรณ์ซ่อมคอม อาทิ สายไฟ อะไหล่คอมพิวเตอร์, แม็คบุ๊ก เพื่อนำมาตรวจสอบหาหลักฐาน ก่อนคุมตัวส่งศาลขอฝากขัง

© 2021 thairemark.com