ปภ.เผยยังมีพื้นที่น้ำท่วมจากพายุวิภา 4 จังหวัด 8 อำเภอ น่าน-เชียงราย-สุโขทัย-พิษณุโลก ประชาชนได้รับผลกระทบ3,165 ครัวเรือน จำนวน 11,705คน เร่งให้สำรวจความเสียหาย-ช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บตามระเบียบและหลักเกณฑ์ของราชการ
นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่มจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนวิภา โดยมีหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่ประสบภัย ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เข้าร่วมประชุม
นายสหรัฐ กล่าวว่า ปภ.ได้ติดตามสถานการณ์น้ำและพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนวิภามาอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.-3 ส.ค. มีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 12 จังหวัด ได้แก่ จ.น่าน เชียงราย พะเยา ลำปาง เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน แพร่ สุโขทัย พิษณุโลก ตาก อุตรดิตถ์ และเลย รวม 74 อำเภอ 365 ตำบล 2,390 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 74,591 ครัวเรือน 233,487 คน มีผู้เสียชีวิต 6 ราย
ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จ.น่าน เชียงราย สุโขทัย และพิษณุโลก รวม 8 อำเภอ 19 ตำบล 52 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 3,165 ครัวเรือน 11,705 คน ภาพรวมสถานการณ์ระดับน้ำ จ.น่าน เชียงราย และสุโขทัยลดลง ขณะที่ จ.พิษณุโลก ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
“ปัจจุบันภาพรวมสถานการณ์ส่วนใหญ่คลี่คลาย ยังคงมีบางพื้นที่อำเภอที่มีน้ำท่วมขัง ปภ.ในฐานะหน่วยงานกลาง ได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยบูรณาการแก้ไขปัญหา และให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการสนับสนุนเครื่องอุปโภค บริโภค ถุงยังชีพ อุปกรณ์ และสิ่งจำเป็นอื่นๆ รวมทั้งการทำความสะอาด ซ่อมแซมบ้านเรือนที่พักอาศัย เพื่อคืนและฟื้นฟูพื้นที่ให้ประชาชนกลับคืนสู่ปกติอย่างรวดเร็ว
ที่สำคัญทาง ปภ.ได้เน้นย้ำให้จังหวัดประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากอุทกภัย ขอให้เร่งจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาโดยเร่งด่วน นอกจากนี้ ได้กำชับให้จังหวัดบริหารจัดการถุงยังชีพที่ต้องกระจายลงพื้นที่ให้ถึงมือประชาชนอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะถุงยังชีพพระราชทานเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบภัยในเบื้องต้น” นายสหรัฐ กล่าว
ด้าน นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย มอบหมายให้ นายภาธร์ รังษีกุลพิพัฒน์ รองนายกเทศมนตรี พร้อมเจ้าหน้าที่กองสาธารณสุข เทศบาลนครเชียงราย ดำเนินการนำรถน้ำฉีดล้างดินโคลนบริเวณสวนสาธารณะริมน้ำกก ตั้งแต่ชุมชนป่าแดงถึงชุมชนร่องเสือเต้น ระยะทางเกือบ 2 กิโลเมตร เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา สถานการณ์ฝนและน้ำท่วม ได้ทำให้ระดับน้ำกกเพิ่มสูงขึ้น และล้นตลิ่งเข้าท่วมทางเดินออกกำลังกายริมน้ำกก และลานกิจกรรมทั้ง 3 จุด โดยภายหลังน้ำลด ได้ทิ้งดินโคลนไว้เป็นจำนวนมาก
สำหรับการดำเนินการดังกล่าว เพื่อเร่งกำจัดโคลนดินตกค้างจากสถานการณ์น้ำหลากในช่วงที่ผ่านมา โดยหากปล่อยไว้นาน ดินจะเริ่มแข็งตัว ทำให้กำจัดได้ยากและอาจกลายเป็นแหล่งฝุ่นละออง ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ที่มาออกกำลังกายหรือพักผ่อนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ในบางจุดที่ดินเริ่มแข็งตัว เจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องมือช่วยขุดตักก่อนนำไปทิ้งลงแม่น้ำกก พร้อมทั้งฉีดล้างซ้ำเพื่อให้แนวสวนสาธารณะกลับมาสะอาดและปลอดภัยต่อสุขภาพของประชาชน