Thursday, 20 March 2025 - 10 : 54 pm
kanda_002
OIC_001
data-no-lazy="1"
kanda_002
OIC_001

กมธ.แรงงาน แนะทางออกสภาพการจ้าง บริษัท เอ.แอล.เอ็ม.ที. (ประเทศไทย) ยึดเหตุผลความจำเป็นมากกว่าข้อกฎหมาย เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดี

Screenshot

นายสฤษฏ์พงษ์  เกี่ยวข้อง ประธานคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการการแรงงาน ได้ประชุมพิจารณาเรื่อง การเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างในการย้ายลูกจ้างไปทำงานในสถานที่อื่นของบริษัท เอ.แอล.เอ็ม.ที. (ประเทศไทย) จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจ งานผลิตดายส์ หินเจียร ใบหินตัด และเครื่องมือที่ทำด้วยเพชรงานซ่อมเครื่องมือทำด้วยเพชร ในนิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ จังหวัดฉะเชิงเทรา กรรมาธิการฯ ได้รับหนังสือจากสหภาพแรงงานโอซาก้า เรื่อง เปลี่ยนสภาพการจ้างในการย้ายลูกจ้างไปทำงานสาขาจังหวัดนครราชสีมา ขอให้ทางคณะกรรมาธิการฯ พิจารณาข้อกฎหมายว่าการดำเนินการของนายจ้างในการย้ายพนักงานจากสาขานิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ ไปสาขาจังหวัดนครราชสีมา เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างหรือไม่ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นผู้แทนกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ผู้แทนสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดฉะเชิงเทรา ผู้แทนบริษัท เอ.แอล.เอ็ม.ที (ประเทศไทย) จำกัด และประธานสหภาพแรงงานโอซาก้า เข้าร่วมประชุม

นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร์

ในการประชุมพิจารณาประเด็นดังกล่าว ได้ทำการประชุมต่อเนื่องครั้งที่ 56-57 จากการพิจารณาคณะกรรมาธิการฯ พบข้อเท็จจริงว่า บริษัทฯ ได้เปิดโรงงานใหม่ที่จังหวัดนครราชสีมา และได้ประกาศแจ้งให้ลูกจ้างแผนกดายส์ ตามประกาศที่ บค. 22/2554 วันที่ 5 สิงหาคม 2554 เพื่อสอบถามความสมัครใจในการย้ายสถานที่ทำงานของลูกจ้าง มีรายละเอียดเกี่ยวข้องกับสภาพการจ้าง และข้อกำหนดมาตรการในการช่วยเหลือต่าง ๆ ที่ลูกจ้างจะได้รับจากการย้ายที่ทำงาน อาทิ เงินค่าตอบแทน เงินช่วยเหลือ ค่าขนย้าย และค่าเดินทางกลับไปเยี่ยมครอบครัว และในปี 2567 บริษัทฯ ในนิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ มีจำนวนยอดการผลิตลดน้อยลงทำให้ลูกจ้างในบางแผนกมีคนมากกว่าปริมาณงาน บริษัทจึงจำเป็นต้องปรับโครงสร้างองค์กร และดำเนินการจัดทำแบบสำรวจและสอบถามลูกจ้างในการโอนย้ายการทำงานสาขาอื่น เพื่อให้มีลูกจ้างจำนวนที่เหมาะสมกับปริมาณงานในแต่ละโรงงาน โดยเฉพาะโรงงานในสาขาจังหวัดนครราชสีมาที่มีปริมาณงานมากกว่าจำนวนคน บริษัทจึงได้มีประกาศที่บก.ธค. 04/2567 แจ้งสิทธิ์เกี่ยวกับเงินช่วยเหลือสวัสดิการต่าง ๆ ให้กับลูกจ้างที่มีความสนใจต้องการย้ายไปทำงานยังสาขาโรงงานจังหวัดนครราชสีมา โดยลูกจ้างสามารถแจ้งความประสงค์ได้ตามความสมัครใจ

ในประเด็นดังกล่าวสหภาพแรงงานฯ เห็นว่าการที่บริษัทฯ โอนย้ายลูกจ้างจากโรงงานสาขานิคมฯเวลโกรว์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ไปยังโรงงานสาขาจังหวัดนครราชสีมา ในช่วงปลายปี 2567 ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยมีประกาศให้เงินช่วยเหลือและสวัสดิการต่าง ๆ แก่ลูกจ้างเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างที่ไม่เป็นคุณลูกจ้างยิ่งกว่า ตามมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 เนื่องจากในปี 2567 ลูกจ้างได้รับเงินช่วยเหลือและสวัสดิการต่าง ๆ น้อยกว่าเดิมเมื่อเทียบกับการย้ายลูกจ้างเมื่อปี 2554 ในประเด็นดังกล่าว สหภาพแรงงานโอซาก้า ได้ยื่นข้อเรียกร้องต่อนายจ้างเพื่อทำข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างโดยบริษัทฯ ลงนามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างและจดทะเบียนบังคับใช้เป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง เมื่อปี 2557 โดยมีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างข้อ 14 กำหนดเรื่องการย้ายสถานประกอบกิจการ ย้ายสาขา การยุบแผนกหรือไม่ว่ากรณีใด ๆ ที่จำเป็นต้องปรับลดพนักงาน และข้อ 14.1 บริษัทฯ ต้องจ่ายตามประกาศ บค. 22/2554 สำหรับพนักงานที่สามารถย้ายสถานประกอบการ ย้ายสาขาไปทำงานกับบริษัทฯ ได้ ต่อมาในช่วงปี 2567 ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน  บริษัทฯ ได้มีประกาศแจ้งสิทธิเกี่ยวกับเงินช่วยเหลือสวัสดิการต่าง ๆ ให้กับลูกจ้างที่มีความสนใจต้องการย้ายไปทำงาน ณ สาขาจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งสหภาพแรงงานฯ เห็นว่าเงินช่วยเหลือและสวัสดิการต่าง ๆ แก่ลูกจ้างเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างที่ไม่เป็นคุณลูกจ้าง เนื่องจากในปี 2567 ลูกจ้างได้รับเงินช่วยเหลือและสวัสดิการต่าง ๆ น้อยกว่าเดิม เมื่อเทียบกับการย้ายลูกจ้างเมื่อปี 2554

“บริษัท เอ.แอล.เอ็ม.ที. (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลว่า เจตนารมณ์แท้จริงของบริษัทฯ ในการลงนามรับข้อตกลงสภาพการจ้างตามข้อเรียกร้อง ข้อ 14 บริษัทฯ เห็นว่าเป็นกรณีที่บริษัทฯ ย้ายสถานประกอบการ ย้ายสาขา หรือกรณีใด ๆ ที่ต้องมีการปรับลดพนักงานหรือยุบแผนกเหมือนเช่นเมื่อกรณีปี 2554 ซึ่งมีการยุบแผนกดายส์ให้ไปทำงานสาขาจังหวัดนครราชสีมาที่บริษัทฯ ขยายสาขาใหม่ตามคำสั่งของบริษัทฯ จึงมีการให้สิทธิ สวัสดิการที่เป็นการจูงใจให้ลูกจ้างเดินทางไปทำงาน ซึ่งแตกต่างจากกรณีของปี 2567 ที่บริษัทฯ เปิดให้ลูกจ้างที่มีความสนใจต้องการย้ายไปทำงาน ณ สาขาโรงงานจังหวัดนครราชสีมา มาสมัครเพื่อกลับไปทำงานที่ใกล้ภูมิลำเนาและเป็นไปตามความสมัครใจโดยบริษัทฯ พิจารณาความเหมาะสมและตำแหน่งงานก่อนทำข้อตกลงเกี่ยวกับเงินช่วยเหลือสวัสดิการต่าง ๆ โดยบริษัทฯ จ่ายเงินเดือน เงินค่าตอบแทนตามอายุงาน ค่าขนย้าย แต่ไม่ให้ค่าเช่าที่พักรายเดือน ๆ ละ 2,500 บาท เป็นเวลา 2 ปี และค่าเดินทางกลับไปเยี่ยมครอบครัวเนื่องจากลูกจ้างย้ายไปทำงานใกล้ภูมิลำเนาและไม่มีความจำเป็นที่ต้องเดินทางกลับมาเยี่ยมครอบครัวแล้ว”

นายสฤษฏ์พงษ์  กล่าวต่อว่า ในเรื่องนี้ผู้แทนกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ให้ข้อมูลว่า สิทธิเกี่ยวกับเงินช่วยเหลือสวัสดิการต่าง ๆ ของลูกจ้างย้ายไปทำงานสาขาอื่นเป็นสิทธิสวัสดิการในส่วนของที่นายจ้างตกลงให้กับลูกจ้างนอกเหนือจากค่าจ้าง ในส่วนนี้จะเกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 ซึ่งหากปรากฏเรื่องสิทธิสวัสดิการในข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างแล้วมีสภาพบังคับให้ต้องปฏิบัติตาม หากมีข้อพิพาทในส่วนนี้จนไม่อาจตกลงกันได้จะต้องมีการดำเนินการไกล่เกลี่ยเพื่อหาข้อยุติต่อไป

“ในประเด็นนี้ทางคณะกรรมาธิการ ได้รับทราบข้อมูลปัญหาที่เกิดขึ้น เราต้องการให้บริษัทนายจ้าง และสหภาพแรงงาน ซึ่งเป็นตัวแทนของลูกจ้าง ทำการเจรจาพูดคุยกันในส่วนของสิทธิสวัสดิการตามข้อตกลงสภาพการจ้างที่นายจ้างได้ลงนามผูกพันบริษัทฯ ควรจะพิจารณาให้ลูกจ้างได้รับแต่จะได้รับมากน้อยเพียงใดให้พิจารณาในส่วนของเหตุผลความจำเป็นที่เกิดขึ้นด้วย ทั้งนี้ไม่อยากให้ยึดข้อตกลงข้อกฎหมายที่มีลักษณะผูกพันกันมากเกินไป ควรอยู่บนความเข้าใจทั้งสองฝ่ายเพื่อให้ทั้งนายจ้าง ลูกจ้างสามารถอยู่ได้ ข้อเสนอแนะใด หากมีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างใดที่ไม่เหมาะสมควรมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้มีผลบังคับใช้ที่ถูกต้องต่อไป และคณะกรรมาธิการฯ จะมีหนังสือถึงสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดฉะเชิงเทรา ดำเนินการเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทและจัดทำบันทึกการเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเพื่อให้เกิดข้อตกลงร่วมกันทั้งสองฝ่ายเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีให้สามารถดำเนินการต่อไปได้

© 2021 thairemark.com