Wednesday, 12 March 2025 - 6 : 02 pm
kanda_002
OIC_001
data-no-lazy="1"
kanda_002
OIC_001

ผลักดันไทยใช้ข้อมูล NTA พาประเทศฝ่าความท้าทายช่วงเปลี่ยนผ่านสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด

สภาพัฒน์ จับมือ UNFPA และเครือข่ายจัดสัมมนาใหญ่ นโยบายกับเศรษฐกิจระหว่างรุ่นประชากร เตรียมพร้อมพาประเทศไทยฝ่าความท้าทายสังคมสูงวัย

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ร่วมกับ กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) ประจำประเทศไทย, เครือข่ายบัญชีกระแสการโอนประชาชาติระดับโลก (Global NTA Network), สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล, และวิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดการประชุมสัมมนา Policy and the Generational Economy: The 15th Global Meeting of the NTA Network โดยมี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวปาฐกถา และ นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, นายเพียว สมิธ ผู้อำนวยการระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก UNFPA, และ ศาสตราจารย์คอนเซปซิโอ ปัตโซ ประธานสภาบริหาร NTA และศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยบาร์เซโลนา ร่วมกล่าวเปิดงาน ณ ห้องประชุมโลตัส สวีท 5-7 ชั้น 21 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอก คอนเวนชัน เซ็นเตอร์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์

การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมสัมมนาเชิงวิชาการระดับนานาชาติระหว่างนักวิชาการ ผู้กำหนดนโยบาย และผู้ที่สนใจเกี่ยวกับประเด็นทางด้านบัญชีกระแสการโอนประชาชาติ (Nation Transfer Accounts: NTA) ประชากรศาสตร์ (Demography) และเศรษฐกิจระหว่างรุ่นประชากร (Generational Economy) เพื่อนำเสนอและแลกเปลี่ยนผลการศึกษาและองค์ความรู้ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเครื่องมือที่เป็นนวัตกรรมในการกำหนดนโยบายให้สอดคล้องกับสถานการณ์และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรของประเทศ ทั้งนี้ บัญชีกระแสการโอนประชาชาติของประเทศไทย หรือ National Transfer Accounts (NTA) มีความสำคัญต่อการที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเป็นอย่างยิ่ง 

เมกะเทรนด์: ประชากรสูงวัย-เทคโนโลยีก้าวหน้า-การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นโยบายต้องขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวในปาฐกถาว่า หัวข้อของการประชุมครั้งนี้คือ “นโยบายและเศรษฐกิจระหว่างรุ่นประชากร” (Policy and the Generational Economy) สะท้อนถึงลำดับความสำคัญของประเทศไทยอย่างลึกซึ้ง ประเทศไทยนั้นยืนอยู่บนจุดเปลี่ยนทางประชากรศาสตร์ กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในโครงสร้างประชากร โดยมีประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมีอัตราการเกิดที่ลดลง ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ (a completed aged society) ในปีพ.ศ.2566 โดยมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 20 ทั้งนี้ มีการคาดว่าแนวโน้มประชากรเช่นนี้จะยังคงดำเนินต่อไป โดยประเทศไทยจะเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด (a super-aged society) ในปีพ.ศ.2033 และเกือบ 1 ใน 3 ของประชากรจะเป็นผู้สูงอายุในปี พ.ศ.2040 ในขณะเดียวกันอัตราการเจริญพันธุ์ของไทยก็ลดลงอย่างรวดเร็วจากประมาณ 6 ในทศวรรษ 1970 เหลือ 1 ในปัจจุบัน พร้อมกับอายุขัยที่เพิ่มขึ้น

นายสุริยะกล่าวถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ระดับโลกว่า การเปลี่ยนแปลงทางประชากร จะส่งให้สัดส่วนประชากรวัยทำงานมีแนวโน้มลดลงในเกือบทุกประเทศ แม้จะมีความท้าทาย แต่การเปลี่ยนแปลงทางประชากรก็ยังนำมาซึ่งโอกาสที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการเติบโตของ ‘silver economy’ ซึ่งมองว่าผู้สูงอายุเป็นทั้งผู้บริโภคและผู้สนับสนุนที่มีคุณค่าในภูมิทัศน์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป, นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีที่ฉับไวก็ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของมนุษย์อย่างมีนัยสำคัญ และเพิ่มผลิตภาพการผลิต อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีก็นำมาซึ่งความเสี่ยงเช่นกัน เช่น การขาดแคลนทักษะและการเลิกจ้างงาน, นอกจากนั้นแล้ว การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศถือเป็นความท้าทายเร่งด่วนที่สุดอย่างหนึ่งที่มนุษย์ต้องเผชิญ ซึ่งอาจทำให้ผู้คนต้องอพยพโยกย้ายถิ่นฐาน ส่งผลให้เกิดความเสี่ยง และเพิ่มภาระให้กับผู้ที่เผชิญกับความเสียเปรียบทางสังคมและเศรษฐกิจอยู่แล้วมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่มนุษย์กำลังเผชิญและความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของนโยบายที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล NTA จึงมีความสำคัญเป็นพิเศษในยุคสมัยนี้

“สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้เราตระหนักถึงงานสำคัญของเครือข่าย NTA ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมการวิจัย ความร่วมมือ และความเข้าใจในระดับโลกเกี่ยวกับเศรษฐกิจระหว่างรุ่นประชากร มีส่วนสำคัญในการพัฒนาความเข้าใจของเราเกี่ยวกับปัญหาที่ซับซ้อน อีกทั้งยังมีคุณค่าในการกำหนดทิศทางการอภิปรายด้านนโยบายทั่วโลก และประเทศไทยก็ได้รับประโยชน์อย่างมากจากความรู้และความเชี่ยวชาญที่สมาชิกนำมาแบ่งปันกัน” นายสุริยะกล่าว

‘บัญชีกระแสการโอนประชาชาติ’ ให้ข้อมูลและชี้แนะนโยบาย 

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวในระหว่างเปิดการประชุมว่า ประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการบัญชีกระแสการโอนประชาชาติในเอเชียมาตั้งแต่ช่วงปีแรกๆ โดย สศช. เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการพัฒนาข้อมูล NTA ของประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2555 และได้รับความร่วมมือจาก UNFPA อย่างต่อเนื่อง

นายดนุชากล่าวต่อไปว่า สศช.ได้บูรณาการกรอบ NTA เข้ากับการวิเคราะห์นโยบาย โดยใช้กรอบ NTA ในการประเมินผลกระทบหลายแง่มุมของการเปลี่ยนแปลงด้านประชากร การโอนทางเศรษฐกิจ และความท้าทายทางการเงินที่ประชากรกลุ่มอายุต่างๆ เผชิญ ตัวอย่างเช่น ข้อมูล NTA ให้หลักฐานเชิงประจักษ์ที่ส่งผลโดยตรงต่อการตัดสินใจของรัฐบาลในการริเริ่มโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด นอกจากนี้ การประมาณการข้อมูล NTA จนถึงปี 2040 ก็ถูกนำมาใช้ในการยกร่างแผนพัฒนาประชากรเพื่อการพัฒนาประเทศระยะยาว 15 ปีอีกด้วย การบูรณาการนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของ NTA ในการกำหนดนโยบายสาธารณะ

“หัวข้อของการประชุมในปีนี้ Policy and the Generational Economy หรือนโยบายและเศรษฐกิจระหว่างรุ่นประชากร เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งในห้วงเวลานี้ที่เราเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโครงสร้างประชากร ซึ่งส่งผลกระทบในวงกว้างต่อตลาดแรงงาน ระบบการคุ้มครองทางสังคม และการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวม กรอบ NTA ให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าเพื่อสนับสนุนการกำหนดนโยบายบนฐานข้อมูลเชิงประจักษ์ เพื่อความยั่งยืนและความเสมอภาคของคนทุกรุ่น ตลอดระยะเวลาสี่วันนี้ เราจะสำรวจประเด็นสำคัญต่างๆ ตั้งแต่แง่มุมทางเทคนิคของ NTA ไปจนถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ตลอดจนกลยุทธ์ในการสื่อสารข้อค้นพบของ NTA ให้กับผู้กำหนดนโยบาย เราโชคดีอย่างยิ่งที่มีผู้ก่อตั้ง NTA และกลุ่มผู้เชี่ยวชาญมาร่วมแบ่งปันผลการวิจัยและประสบการณ์ให้กับเราด้วยในงานนี้” นายดนุชากล่าว 

UNFPA ย้ำ แก้ปัญหาประชากร ต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

นายเพียว สมิธ ผู้อำนวยการระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก UNFPA กล่าวว่า แนวทางของ UNFPA ในการแก้ไขปัญหาประชากรสูงวัยตั้งอยู่บนหลักสิทธิมนุษยชนและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทุกช่วงวัย ซึ่งหมายถึงการลงทุนในทุกช่วงชีวิต ตั้งแต่วัยทารกจนถึงวัยชรา เพื่อให้มั่นใจว่าผู้สูงอายุจะใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี เข้าถึงบริการที่จำเป็นได้ และยังคงมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในสังคม

นายสมิธกล่าวต่อไปว่า หัวใจสำคัญก็คือการส่งเสริมนโยบายที่เสริมพลังให้ผู้หญิง ซึ่งรวมถึงผู้หญิงสูงวัย เพื่อปกป้องประชากรกลุ่มนี้จากความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ อย่างเช่น การทารุณกรรมผู้สูงอายุ ทั้งนี้ สิ่งที่จะปลดล็อกศักยภาพของประชากรสูงอายุได้ก็คือ การส่งเสริมการสูงวัยอย่างมีพลัง ความเป็นปึกแผ่นระหว่างประชากรต่างรุ่น และนโยบายที่ครอบคลุมคนทุกอายุ UNFPA สนับสนุนรัฐบาลในกระบวนการนี้ด้วยการใช้กรอบ NTA มาช่วยวิเคราะห์ว่าทรัพยากรและรายได้จากแรงงานนั้นกระจายไปตามประชากรกลุ่มอายุต่างๆ อย่างไร

“การประชุมเครือข่ายบัญชีกระแสการโอนประชาชาติระดับโลกครั้งที่ 15 เน้นย้ำถึงความสำคัญของการใช้ประโยชน์จากจุดเชื่อมโยงระหว่างการเปลี่ยนแปลงทางประชากรและนโยบายเศรษฐกิจ และนี่ถือเป็นจังหวะที่ดีที่สุดในการประชุมรวมตัวกัน ขณะนี้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกและในเอเชียแปซิฟิกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรอย่างรวดเร็ว ซึ่งรวมถึงอัตราการเกิดที่ลดลงและอายุขัยที่เพิ่มขึ้น ในการนี้ UNFPA ได้ร่วมมือกับรัฐบาลต่างๆ ในการพัฒนาและดำเนินกลยุทธ์ที่มองการณ์ไกลเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร โดยใช้ประโยชน์จากศักยภาพของประชากรทุกอายุและโอบรับความหลากหลายภายในกลุ่มประชากร เราต้องร่วมมือกันเท่านั้นจึงจะสามารถสร้างอนาคตที่ทุกคนมีโอกาสเจริญรุ่งเรืองได้” นายสมิธกล่าว 

รู้จักบัญชีกระแสการโอนประชาชาติของประเทศไทย 

บัญชีกระแสการโอนประชาติ (National Transfer Account: NTA) เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่นำเสนอหลักฐานเชิงประจักษ์ให้เห็นผลกระทบและความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างทางเศรษฐกิจและโครงสร้างประชากรของประเทศ มีการใช้ในหลากหลายประเทศทั่วโลกกว่า 20 ปีมาแล้ว ตัวอย่างเช่น บัญชีกระแสการโอนประชาติ ปีพ.ศ.2564 ที่ผ่านมา ช่วยให้เห็นผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจและสังคมในแต่ละช่วงอายุจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ได้อย่างชัดเจน โดยเป็นการนำเสนอรายได้ รายจ่ายเพื่อการบริโภค รวมถึงช่องว่างระหว่างรายได้และรายจ่ายฯ ของประชากรในแต่ละอายุ พร้อมทั้งนำเสนอระบบการปิดช่องว่างดังกล่าวของคนในแต่ละอายุ ผ่านการเกื้อกูลกันระหว่างช่วงวัยและการจัดสรรสินทรัพย์

ข้อมูลบัญชีกระแสการโอนประชาชาติสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย ทั้งการให้ภาพทั่วไปต่อสาธารณะในด้านรายได้ รายจ่าย การออม การเกื้อหนุนของคนในครอบครัว การชี้ประเด็นเชิงนโยบาย การจัดทำนโยบาย และการประเมินผลนโยบาย ต่อภาครัฐและผู้กำหนดนโยบายต่างๆ รวมถึงการเป็นชุดข้อมูลสำหรับภาควิชาการในการวิเคราะห์ต่อยอดและทำการศึกษาเชิงลึกในด้านที่เกี่ยวข้อง 

ทั้งนี้ การประชุมสัมมนา Policy and the Generational Economy: The 15th Global Meeting of the NTA Network จัดขึ้นต่อเนื่องในระหว่างวันที่ 10 – 13 มีนาคม พ.ศ.2568 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอก คอนเวนชัน เซ็นเตอร์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ โดยการประชุมแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ (1) การประชุมสัมมนาเชิงวิชาการ ในวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม เวลา 9.00-17.00 น. และ (2) การประชุมเชิงปฏิบัติการสำหรับเครือข่ายบัญชีกระแสการโอนประชาชาติระดับนานาชาติ ในระหว่างวันที่ 11 – 13 มีนาคม เพื่อนำเสนอผลงานศึกษาและวิจัยของเครือข่ายบัญชีกระแสการโอนประชาชาติและผู้ที่สนใจทั้งจากในประเทศและนานาชาติ

โดยประเด็นสำคัญของการประชุมในปีนี้ ยังได้มีการนำเสนอถึงความแตกต่างอย่างมากระหว่างประเทศที่ใช้บัญชีกระแสการโอนประชาชาติ ในด้านอุปทานแรงงานของเยาวชนและผู้สูงอายุ ความแตกต่างทางเพศในรายได้จากแรงงาน และการศึกษา รวมถึงแนวทางใหม่ในการใช้บัญชีกระแสการโอนประชาชาติเพื่อวัดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยทั้งสี่นี้ในอนาคตอีกด้วย.  

© 2021 thairemark.com