สสส. ร่วมกับ สภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์เดินหน้ายกระดับระบบดูแลสังคมสาธารณสุขแบบดิจิทัล ผลักดัน Platform Social Telecare เชื่อมระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) เก็บข้อมูลผู้ป่วยจิตเวช-เบาหวาน-มะเร็ง ลดปัญหาคลาดเคลื่อน เสนอต่อยอดบูรณาการครอบคลุมทุกเขตสุขภาพและผลักดันเชิงนโยบายเชื่อมโยง PST กับกระทรวงสาธารณสุข พร้อมเปิดตัวหนังสือ”Social [Tele]care จุดเปลี่ยนวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ ยกระดับระบบสุขภาพปฐมภูมิของไทย
โครงการพัฒนาและเสริมสมรรถนะกลไกและเครือข่ายการดูแลทางสังคมของนักสังคมสงเคราะห์และสหวิชาชีพเพื่อสนับสนุนระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิและขยายผลการทำงานในระดับพื้นที่ จัดเวทีสื่อสารสาธารณะและขับเคลื่อนเชิงนโยบายการใช้งานPlatform Social Telecare เชื่อมโยงกับระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ที่ โดยมีนพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการพัฒนาระบบสุขภาพ (สำนัก 7) สสส. ในฐานะตัวแทนสสส. ที่มีบทบาทสนับสนุนโครงการฯ เข้าร่วมติดตามการนำเสนอผลการดำเนินงาน โครงการฯ
ศาสตราจารย์ระพีพรรณ คำหอม หัวหน้าโครงการฯ กล่าวว่าการดำเนินโครงการฯ เพื่อมุ่งหวังยกระดับระบบดูแลสังคมและสาธารณสุขแบบดิจิทัลเชื่อมโยงทุกภาคส่วนซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการลดความเหลื่อมล้ำ ในภาวะที่ประเทศไทยก้าวสู่ระบบดูแลสุขภาพสังคมแบบดิจิทัลสมบูรณ์ จึงอยากให้ ทุกคนเข้าถึงบริการอย่างเท่าเทียม ซึ่งได้ดำเนินโครงการในพื้นที่ทดลอง platform Social telecare เชื่อมโยง สถานบริการในระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ 5 โรงพยาบาลประกอบด้วยโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชกุฉินารายณ์กาฬสินธุ์ โรงพยาบาลขอนแก่น โรงพยาบาลมหาสารคาม โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี และโรงพยาบาลยะลา และขยายผล 29 โรงพยาบาล เก็บข้อมูลผู้ป่วยกลุ่มเปราะบาง 3 กลุ่มคือกลุ่มผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติด กลุ่มผู้ป่วยเบาหวานและกลุ่มผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น คือเครื่องมือการวินิจฉัยทางสังคมของนักสังคมสงเคราะห์และสหวิชาชีพ 37 เครื่องมือ รายงานผลการวินิจฉัยเพื่อการส่งต่อผู้ป่วยระหว่างระบบบริการทางสังคมกับระบบบริการสุขภาพ รายงานภาพรวมสถานการณ์การจัดบริการทางสังคมของผู้ป่วยเพื่อการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังเกิดกลไกการทำงานในพื้นที่ Sandbox 5 พื้นที่ทั้งความร่วมมือ ในระดับบุคคล คือนักสังคมสงเคราะห์สามารถใช้งานระบบได้ถูกต้องและนำไปประยุกต์ใช้ในการดูแลผู้ป่วยกลุ่มเปราะบางส่วนระดับหน่วยงานมีการเชื่อมประสานและส่งต่อข้อมูลระหว่างหน่วยงานเพื่อดูแลผู้ป่วยกลุ่มเปราะบาง ส่วนการใช้เทคโนโลยี Social telecare สามารถประมวลผลข้อมูล ได้มากขึ้นและทันเวลาลดปัญหาความคลาดเคลื่อน และ Human error
จากผลการดำเนินโครงการในพื้นที่ sand box 5 โรงพยาบาล และพื้นที่ขยายผลการนำPlatform Social telecare ไปใข้เกิดบทเรียนการขับเคลื่อนงานสังคมสงเคราะห์ลงสู่ระบบบริการปฐมภูมิ ในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย นำข้อมูลมาใช้ออกแบบกิจกรรม บริการสำหรับผู้ป่วยกลุ่มเปราะบางได้แบบรายบุคคลและรายกลุ่ม ทำให้ข้อมูลมาถึงนักสังคมสงเคราะห์ก่อนตัวผู้ป่วย ติดตามได้หากตกหล่นระหว่างการมารับบริการ การประเมินปัญหาใช้เครื่องมือที่มีมาตรฐาน ผู้ป่วยได้รับการติดตามผลผ่านระบบ และรายงานทีมสหวิชาชีพทราบ และความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ การพิทักษ์สิทธิ การทำงานเสริมพลังครอบครัวผู้ป่วย สนับสนุนผู้ป่วยให้อยู่ในระบบการรักษาอย่างต่อเนื่อง ลดปัญหาอุปสรรคในการรักษา บุคลากรทางการแพทย์ลดความกังวลต่อการแก้ไขปัญหาครอบครัว หรือปัญหาทางสังคมอื่นๆ ของผู้ป่วย
ขณะเดียวกันการออกแบบบริการ Medical Social work clinic 5 ระบบ 40 บริการสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือของเครื่องมือทางสังคมเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการ และยังสามารถเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูล API คือ A-Med Home ward และHos xp กับAI ที่จะจำแนกระดับปัญหาผู้ป่วยเชื่อมโยงบริการที่เกี่ยวข้องและระบบแพลตฟอร์มออนไลน์ช่วยประเมินผลข้อมูลทางสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับข้อเสนอเชิงนโยบาย มีทั้งการพัฒนาบุคลากรทีมงานพัฒนาศักยภาพผู้รับผิดชอบโครงการย่อยพัฒนาสมรรถนะผู้ใช้งานนักสังคมสงเคราะห์กับทีมสุขภาพในโรงพยาบาล รวมไปถึงขั้นที่ 2 คือ โครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีขั้นสูงที่จะเป็นแพลตฟอร์มกลาง Cloud, Data lake, AI และการบริหารจัดการ Server บูรณาการข้อมูลไร้รอยต่อเชื่อมข้อมูลผ่าน API Meta Data และ Data catalog ซึ่งต้องมีความปลอดภัยของข้อมูลและมาตรฐานเครื่องมือสามารถทดลองใช้งานจริงพื้นที่ขยายผลครอบคลุมทุกเขตสุขภาพและการผลักดันเชิงนโยบายควรส่งมอบเชื่อมโยง PST กับสำนักบริการสุขภาพดิจิทัลกระทรวงสาธารณสุข
นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวหนังสือ”Social [Tele]care จุดเปลี่ยนวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ ที่ทีมนักเขียน ซึ่งประกอบด้วยนักสังคมสงเคราะห์และเครือข่ายสหวิชาชีพ 31 คน ได้รวบรวมบทเรียนและแนวทางการทำงานของนักสังคมสงเคราะห์และทีมสหวิชาชีพหลายรุ่น ที่ร่วมเรียนรู้ใช่งานและพัฒนา Platform Social Telecare ก้าวข้ามยุค analog มาสู่ยุคดิจิทัล เพื่อยกระดับระบบสุขภาพปฐมภูมิของประเทศไทย