ท่ามกลางการสู้รบการอย่างดุเดือดและทวีความรุนแรงระหว่างกองทัพอิสราเอลและกลุ่มฮามาสทำให้มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่ในเขตฉวนกาซา อีกทั้งยังมีแนวโน้มขยายสงครามลุกลามระดับภูมิภาคตะวันออกกลางที่คาดว่าจะไม่สิ้นสุดลงในเร็ววันนี้ สร้างความหวั่นวิตกให้กับญาติพี่น้องที่ลูกหลายไปทำงานในอิสราเอลหวั่นไม่เกิดความปลอดภัยในชีวิตเนื่องจากแรงงานไทยในอิสราเอลล้มตายบาดเจ็บไม่เว้นแต่ละวัน จึงพากันออกมาอ้อนวอนให้กลับบ้านเกิดเถอะ มาตั้งหลักใหม่ รักษาชีวิตไว้ เมื่อสงครามสงบลงค่อยไปทำงานในอิสราเอลอีกครั้ง
เช่นเดียวกับ นางสาววิยะดา ศรีบุญเรือง อายุ 18 ปี พึ่งเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กล่าวทั้งน้ำตานองหน้ากับผู้สื่อข่าวว่าว่าตนส่งสารพี่ชายที่ไปทำงานอยู่ที่ประเทศอิสราเอลเนื่องจากดูข่าวในเฟดในไลน์และทางสื่อต่างๆที่มีการฆ่าฟัดกันทิ้งระเบิดใส่กันสนั่นเมืองเกรงว่าพี่ชายตนที่ไปทำงานอยู่ประเทศอิสราเอลจะไม่ปลอดภัยตนอยากให้พี่ชายกลับมาบ้านเราก่อนส่วนเรื่องเรียนต่อพยาบาลที่พี่ให้สัญญาว่าตะส่งน้องเรียนให้จนจบนั้น ตนคิดว่าตนจะหางานทำไปด้วยเรียนไปด้วยคิดว่าได้ไม่อยากไม่ลำบากเท่าไรหรอกขอแต่ให้พี่ชายที่ไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย กบับบ้านเถอะ แต่ถ้าเป็นความคิดของพี่ชายจริงๆก็แล้วแต่
ส่วนตนได้แต่สวดมนต์ไหว้วอนให้พี่ชายของตนเองปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวงด้วยเถอะตนจะตั้งใจเรียนพยาบาลให้จบหลักสูตรและจะดูและแม่และขอคุณพี่ชายที่แสนดีของหนูด้วย แต่หากตนเรียนจบพี่ต้องให้สัญญาน้องว่าจะกลับมาอยู่พร้อมหน้ากันแม่พี่ชายและหนูเองกินข้าวพร้อมหน้ากันทุกๆวันเราเสียพ่อไปมีแต่แม่แบะพี่ชายที่อสนดีของตนคนเดียวเท่านั้นขอให้พี่ดูแบสุขภาพแบะความปลอดภัยขอวตนให้ดีที่สุดนะพี่นัฐ
ทางด้านนางอนงค์ ศรีบุญเรือง อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นแม่แท้ๆของณัฐพล กล่าวถึง ลูกชายของตนที่ชื่อณัฐ พล ศรีบุญเรือง อายุ 32 ปี ซึ่งเดินทางไปทำงาน ที่ประเทศอิสราเอล กล่าวกับผู้สื่อข่าวมติชนด้วยว่า เดือนนี้เข้าเดือนที่ 3 แล้ว ที่ลูกชายของตนไปทำงานครอบครับพวกตนลำบากหลังสามีเสียชีวิตลง มาไม่นาน ก็คงเหลือแต่ลูก 3 คน คนแรกก็มีครอบครัว แยกบ้านออกจากแม่ ตนก็เหลือลูก 2 คน คนหนึ่งไปทำงานต่างประเทศ คือณัฐพล และน้องของณัฐพลที่รัฐพลส่งเรียนอยู่เพิ่ง จบม. 6 โดย ว่าแก่ตั้งใจจะน้องสอบเข้าเรียนต่อพยาบาลให้ได้ และเรียนต่อ ให้จบภายใน 4 ปี แล้วณัฐพล จะเป็นคนส่งเสียค่าเล่าเรียนให้ น้องวิยะดาฯเอง พอน้องจบ 4 ปี ณัฐพลจึงจะกลับจากอิสราเอล มาทำงานที่บ้านเกิด
แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์สู้รบสงครามแบบนี้ขึ้นมา ตนผู้เป็นแม่กินไม่ได้นอนไม่หลับแทบทุกวัน ยิ่งฟังข่าวการต่อสู้กันอย่างรุนแรงขึ้นทุกขณะและมีการจับตัวประกันที่เป็นคนไทยด้วยแล้วยิ่งใจจะขาด ยิ่งทำให้ตนหวาดกลัวไปหมดระแวงไปหมด แต่ดีหน่อยที่ได้ตนได้โทรศัพท์ ทางไลน์พอเห็นหน้ากันแทบทุกวันกับลูกก็ใจดีขึ้นมาระดัยหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามหาก ลูกกลับมาตนก็ดีใจเงินที่ยืมไป145,000บาทก็ค่อยๆหาใช้หนี้เขาไป แต่หากยังไม่มา ยังไม่ยากกลับ ก็ให้ลูกดูแลเรื่องความปลอดภัยให้มากนะลูก ส่วนตนขอขอบพระคุณทาง จังหวัดอำนาจเจริญ ไม่ว่าจะเป็นแรงงานจังหวัด จัดหางานจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดและรองผู้ว่าราชการจังหวัด รวมถึงหน่วยงานต่างๆที่คอยมาให้กำลังใจตน ถึงที่บ้านตนจะไม่ลืมพระคุณเลย
ขณะที่นางประณีย์ แม่ของนายจตุพร อีกแรงงานไทยในอิสราเอล ปัจจุบันนายจตุพรหลบอยู่ในแคมป์ร่วมกับแรงงานไทยกว่า 50 คน ซึ่งอยู่ในพื้นที่สีแดง ห่างจากฉนวนกาซาเพียง 3 กิโลเมตร วันแรกมีผู้ก่อการร้ายเข้ามากราดยิง แต่โชคดีมีทหารเข้ามาช่วยเหลือไว้ได้ทัน มีคนไทยอยู่ประมาณ 50 คน บาดเจ็บโดนยิง 1 คน โดยนายจตุพร เล่าว่า พยายามขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ไทย แต่ได้รับคำตอบว่าเป็นพื้นที่สีแดง ไม่สามารถเข้ามาได้
” เมื่อลูกชายโทรมาก็ดีใจมาก เพราะก่อนหน้านี้ใจแทบขาดที่ติดต่อลูกไม่ได้ ต้องไปบนศาลเจ้าพ่อหลักเมืองให้ลูกชายปลอดภัยกลับมาประเทศไทย ซึ่งลูกไปทำงานได้เพียง 1 ปี 3 เดือน จึงอยากวิงวอนให้รัฐบาลหาทางพาลูกชายกลับบ้าน ตนจะไม่ให้ลูกชายกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีกแล้ว”นางประณีย์ กล่าว