“นิคมฯบางชัน ผนึก! พันธมิตรเขตมีนบุรี และเขตคันนายาว เพิ่มพื้นที่สีเขียว ก้าวสู่การเป็นกลางทางคาร์บอน กว่า 46 ไร่ ตามนโยบายการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ระดับ Eco-Excellence ของนิคมฯบางชัน และสอดคล้องนโยบาย กทม. ปลูกต้นไม้ล้านต้น สร้างกำแพงกรองฝุ่น และสวน 15 นาที”
นางลัดดาวัลย์ อ่อนกำปัง ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมบางชัน นายเกียรติชัย ภักดีรอด ผู้จัดการ บริษัท โกลบอล ยูทิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด (หน่วยงานบางชัน) เปิดเผยว่า การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) โดยท่านผู้ว่าการ (นายวีริส อัมลปาน) มีนโยบายพัฒนาพื้นที่สีเขียวทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Let’s Zero together ปลูก เพื่อ ลด สู่อนาคตที่ยั่งยืน” ให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ผ่านการขับเคลื่อนของทุกภาคส่วนในการจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศให้เท่ากับศูนย์ ส่งต่ออากาศบริสุทธิ์และพัฒนาพื้นที่สีเขียวให้คงอยู่อย่างยั่งยืน ก้าวสู่การเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และ Net Zero Emission ตามที่ กนอ. ได้ประกาศเจตนารมณ์ไว้
นายเกียรติชัย ภักดีรอด ผู้จัดการ บริษัท โกลบอล ยูทิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด (หน่วยงานบางชัน)
ที่ผ่านมานิคมอุตสาหกรรมบางชันได้จัดทำแผนงานเพิ่มพื้นที่สีเขียวทำในและนอกนิคมฯ มาอย่างต่อเนื่อง ในปี 2566 ได้ร่วมกับสำนักงานเขตมีนบุรี เข้าร่วมกิจกรรมทอดผ้าป่าต้นไม้ (ต้นขนุน) โดยทางนิคมฯสนับสนุนต้นขนุน จำนวน 600 กว่าต้น ปลูกในพื้นที่โดยรอบนิคมฯ และใกล้เคียง จำนวนประมาณ 30 ไร่ เพื่อการเพิ่มพื้นทีสีเขียงก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และเป็นการสนับสนุนโครงการธนาคารต้นไม้ เขตมีนบุรี (Tree Bank Minburi) เพื่อการสร้างอัตลักษณ์ให้เขตมีนบุรีเป็นเมืองต้นขนุนหลากหลายสายพันธ์มากที่สุดในกรุงเทพมหานคร
นายศักดิ์ชัย ใสสุข ผู้อำนวยการเขตมีนบุรี
พร้อมกันนั้นนิคมฯ บางชันยังได้ร่วมกันสำนักงานเขตคันนายาว ในการปรับปรุงภูมิทัศน์เพิ่มพื้นที่สีเขียวสวนริมคลองหลอแหล ให้เป็นสวนหย่อม/สวนสาธารณะ สร้างภูมิทัศน์สองฝั่งคลองมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม สะอาด ร่มรื่น มีขนาดพื้นที่ทั้งหมด 16 ไร่ 3 งาน 29.25 ตารางวา โดยทางนิคมฯบางชัน และผู้ประกอบการในนิคมฯ จะร่วมกันส่งเสริมสนับสนุน พันธุ์ไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ยืนต้น พร้อมวัสดุอุปกรณ์ในการเพิ่มพื้นสีเขียวในพื้นที่ดังกล่าว
นายศักดิ์ชัย ใสสุข ผู้อำนวยการเขตมีนบุรี กล่าวว่า สำนักงานเขตมีนบุรีได้จัดกิจกรรมทอดผ้าป่าต้นไม้ (ขนุน) ขึ้น เพื่อจัดหาต้นไม้ (ขนุน) สนับสนุนโครงการธนาคารต้นไม้ เขตมีนบุรี (Tree Bank Minburi) ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายในการปลูกต้นไม้ จำนวน 10,000 ต้น ภายในปี พ.ศ.2566 นี้ โดยมุ่งเน้นส่งเสริมการปลูกต้นขนุน🪴 เพื่อสร้างอัตลักษณ์เมืองให้เขตมีนบุรีเป็นเมืองขนุน และเป็นเขตที่มีต้นขนุนหลากหลายสายพันธุ์มากที่สุดในกรุงเทพมหานคร
ซึ่งเป้าหมายในการปลูกต้นไม้ (ขนุน) ครั้งนี้สำนักงานเขตจะทำการปลูกให้ทั่วทุกพื้นที่ของเขตคันนายาว อาทิเช่น วัด, มัสยิด, สวน 15 นาที และชุมชนในพื้นที่เขตมีนบุรี จำนวน 2,565 ต้น ในพื้นที่กว่า 100 แห่ง ตามนโยบาย 9 ด้าน 9 ดี ของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นการสอดคล้องตามนโยบายปลูกต้นไม้ล้านต้น สร้างพื้นที่สีเขียวและกำแพงกรองฝุ่นทั่วกรุง เพื่อให้ได้พื้นที่สีเขียวและร่มเงาในเมือง และได้กำแพงกรองฝุ่นจากต้นไม้ในพื้นที่ประชาชนหนาแน่น เป็นการลดมลพิษ เพิ่มร่มเงา เพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมืองส่งเสริมให้เมืองเป็นเมืองที่เดินได้ และ สวน 15 นาที ทั่วกรุง เพื่อให้ได้พื้นที่สาธารณะ สร้างเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคน โดยที่ผ่านมา สำนักงานนิคมอุตสาหกรรมบางชัน และผู้ประกอบการในนิคมฯ ได้ร่วมกับเขตมีนบุรี ส่งเสริมสนันสนุนโครงการดังกล่าว ร่วมปลูกต้นขนุนจำนวนกว่า 600 กว่าต้น พื้นที่ปลูกประมาณ 30 กว่าไร่
นายนพ ชูสอน ผู้อำนวยการเขตคันนายาว กล่าวว่า สำนักงานเขตคันนายาว มีแผนการปรับปรุงภูมิทัศน์ และการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ตามนโยบายท่านผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร ในการปลูกต้นไม้ล้านต้นสร้างพื้นที่สีเขียวและกำแพงกรองฝุ่นทั่วกรุง และการสวน 15 นาทีทั่วกรุง
จากนโยบายดังกล่าว สำนักงานเขตคันนายาวได้จัดทำแผนปรับปรุงภูมิทัศน์เพิ่มพื้นที่สีเขียว สวนริมคลองหลอแหล มีพื้นที่ 16 ไร่ 3 งาน 29.25 ตารางวา โดยการปรับปรุงภูมิทัศน์เพิ่มพื้นที่สีเขียวครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมบางชัน ในการสนับสนุนพันธุ์ไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ยืนต้น อาทิ ต้นเฟื่องฟ้า ต้นทองอุไร ต้นโมก ต้นไทรเกาหลี ต้นกระดุกทอง ต้นพิกุล เป็นต้น ในการเพิ่มที่สีเขียวในพื้นที่ 16 กว่าไร่ ให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายของผู้ว่ากรุงเทพฯ ในการปลูกต้นไม้ล้านต้น การเพิ่มพื้นที่สีเขียวเป็นกำแพงกรองฝุ่น และเป็นสวน 15 นาที
“เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2566 นิคมฯบางชัน ได้มอบต้นไม้ ให้กับสำนักงานเขตคันนายาว มาบางส่วน และได้ร่วมกันปลูกในพื้นที่ที่เขตคันนายาวได้กำหนดไว้ เพื่อเป็นการปรับปรุงภูมิทัศน์ และการเพิ่มพื้นสีเขียวตามนโยบายของ กทม. และของนิคมฯบางชัน”
