Thursday, 21 November 2024 - 8 : 00 pm
kanda_002
OIC_001
data-no-lazy="1"
kanda_002
OIC_001

‘รัสเซีย-จีน’สนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตแบบพร้อมโอนมากขึ้นเหตุลงทุนมีความมั่นคงสูง

นายพัทธนันท์ พิสุทธิ์วิมล นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต เปิดเผยว่า ทางสมาคมฯได้ข้อมูลจากสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต เป็นข้อมูลเมื่อสิ้นปี 2565 ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา รวมช่วงโควิด-19 โครงการจัดสรรที่มีการขออนุญาตในภูเก็ต มีทั้งหมดประมาณ 5,000 ยูนิต มากสุดปี 2019 แต่ก่อนหน้านั้นมากกว่า ประมาณ 1,500 และ 1,600,1,000 และ 800 ในปีที่แล้ว รวมแล้วประมาณ 5,000 ยูนิต

ทั้งนี้ ยอดเปรียบเทียบโอนที่ดินของแนวราบที่ดินสิ่งปลูกสร้างรวมทั้งจัดสรรและไม่จัดสรร ซึ่งในแต่ละปี สัดส่วนจัดสรรปกติ 30% ใน 4 ปีที่ผ่านมาจะมียอดรวมทั้งหมดประมาณ 14,000 ยูนิต ถ้าเทียบก่อนโควิดใน 4 ปีที่แล้ว มียอดขอ 1,500 โอน ประมาณกว่า 4,400 ยูนิต ขออนุญาตจัดสรรประมาณ 30% พอโควิดเข้ามาดีดลงไปเหลือ 3,000 และ 2,000 จนกระทั่งปี 2565 กลับมาเป็น กว่า 4,000 ทั้งๆที่เรายังไม่ฟื้น ซึ่ง มาฟื้นในไตรมาส 3 และ 4 ที่เริ่มมีชัดเจนมากขึ้น แต่ยอดโอน ประมาณ 4,100 ยูนิต เป็นแนวราบ จะใกล้เคียงกับที่เห็นตามข่าวว่า วิลล่าขายดีมาก พูลวิลล่าขึ้นเยอะมาก

พัทธนันท์ พิสุทธิ์วิมล นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต

อย่างไนก็ตาม อาคารชุด ใน 4 ปีที่ผ่านมา ขอจดทะเบียนอาคารชุดประมาณ 6,500 ตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลจดทะเบียนอาคารชุด ประมาณ 28,000 ยูนิต ในภูเก็ต แต่ที่น่าสนใจ คือ เก็บข้อมูลมา 10-20 ปี พบว่าปีที่แล้วเป็นปีแรกที่ยอดจดทะเบียนสะสมของการขออนุญาตที่มีมาจำนวน 28,000 ยูนิต มันน้อยกว่ายอดโอนอาคารชุดสะสม แปลว่า ของใหม่ไม่มี มีแต่การโอนของเก่ามากขึ้น และ ช่วงโควิดมีคอนโดหลายแห่งที่เป็นตลาดต่างชาติ และไม่สามารถโอนยังไม่จดทะเบียนอาคารชุด อีกหลายพันยูนิต คาดว่าน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 3,000 ยูนิต ที่ยังไม่จด และ ในปีนี้มียอดจดทะเบียน และยอดโอน ค่อนข้างมาก

นายพัทธนันท์ กล่าวว่า ตอนนี้คนอยากจะมาซื้อ เราพลิกไม่ทันเพราะไม่สามารถสร้างบ้านภายในวันเดียว ต้องมีเรื่องขออนุญาตและอื่นๆต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน และกว่าจะเริ่มก่อสร้างอีก เกือบปีจึงไม่รอ บวกกับต่างชาติเข้ามาเยอะ ซึ่งรัสเซียเข้ามามากจากสงคราม ที่ไม่ต้องการเกณฑ์ทหาร เขาถือเงินมาหาพรอพเพอร์ตี้ที่สามารถลงทุนได้เป็นเอสเตทที่มีความมั่นคงเขาหาซื้อพรอพเพอร์ตี้ที่สร้างเสร็จแล้ว คือ ของที่สร้างไว้แล้ว คือ สร้างเมื่อก่อนโควิด จึงทำให้โครงการที่อยากจะขาย สร้างไม่ทัน ส่วนกลุ่มจีน มีความต้องการสูงพอกับรัสเซีย แต่จะติดปัญหาการนำเงินออกนอกประเทศ เป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขบางส่วน และมีสิ่งที่ต้องมาคิด เรื่องสาธารณูปโภคต่างๆก็มาก แต่ข้อดี กลุ่มนี้มีกำลังซื้อ

สำหรับ กลุ่มตลาดทั่วไปของอสังหาริมทรัพย์ หลังจากนี้จะเป็นลักชัวรี่มากขึ้น จะชัดเจนกับตลาดในประเทศระดับกลางลงมา ส่วนต่างประเทศจะระดับสูงขึ้นไประดับ 10 ล้านบาทขึ้นไป มีเยอะมาก บริเวณตำบล เชิงทะเลที่ ลากูน่า และ ลายัน ต.วิชิต ที่ เขาขาด ต.ฉลอง ต.ราไวย์ สิ่งที่ต้องติดตาม คือ สถานการณ์เศรษฐกิจโลก การจะทำอะไรในภูเก็ต ต้องเป็นมืออาชีพ ต้องศึกษา กฎหมายเรื่องจัดสรร อาคารชุด กฎหมายผังเมือง สิ่งแวดล้อม รวมถึงการขออนุญาตใดๆก็ตาม ต้องอ่านรายงานที่ปรึกษา เช่น การตรวจน้ำเสีย ต่างๆ เป็นต้น ผลกระทบระหว่างการก่อสร้าง เหล่านี้ ต้องทราบก่อนทำโครงการฯ และก่อนทำต้องคิดจะขายให้ใคร กลุ่มตลาดเป็นใคร เอเจนซี่ใดขายให้ ต้องการห้องแบบไหน และออกแบบให้ตรงความต้องการของลูกค้า

หลังจากนี้ จะมีส่วนกลางลงมาลงทุนในภูเก็ตเยอะ คือ ก่อนโควิด มีทุนของ แสนสิริ และพฤกษา ลงมา และจากนี้จะมีอีกเยอะที่จะลงมา รวมทั้ง ออริจิ้น ทางผู้ประกอบการต้องติดตามข่าวสารให้มาก ต้องมีการวางเป้าหมาย ต้นทุน และต่างๆในการแข่งขัน ถ้าสู้ไม่ได้ ให้หนีไปตลาดอื่น และ เทรนด์ที่จะมาในอนาคต คือ การลดคาร์บอนลง ลดพลังงานลง ใช้พลังงานสะอาด ต้องมีความฉลาดทางการเงิน การบริหารกระแสเงินสด การวางแผนโครงการ และ การใช้เงิน เพื่อมิให้เกิดปัญหาต่อธุรกิจ

โดย- อชัถยา ชื่นนิรันดร์ ผู้สื่อข่าวจังหวัดภูเก็ต

© 2021 thairemark.com