SPCG ประกาศเจตนารมณ์ มุ่งมั่นสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2573 พร้อมจับมือ INNOPOWER “ซื้อขาย” ใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC) สอดคล้องนโยบายรัฐบาลในการทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำของอาเซียนในด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ
เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 66 ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงสัญญาซื้อขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC) ร่วมกับนายอธิป ตันติวรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด “INNOPOWER” บริษัทในเครือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ผู้นำด้านนวัตกรรมพลังงาน โดย INNOPOWER จะเป็นผู้แทนในการบริหารจัดการและซื้อขายแลกเปลี่ยน REC ในระยะเวลา 5 ปี โดยจากการประเมิน SPCG คาดว่าโรงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ Solar Farm ทั้ง 36 โครงการในประเทศไทย รวมกำลังการผลิต 260 เมกะวัตต์ของบริษัทนั้น จะสามารถออก REC ได้ประมาณ 370,000 RECs ต่อปี
ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า SPCG มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับ INNOPOWER ซึ่งการร่วมมือในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญในการผนึกกำลังร่วมกันส่งเสริมเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทยเพื่อบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2593 และการบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี พ.ศ. 2608 อีกทั้งจะเป็นการส่งเสริมการใช้และการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการซื้อขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC) ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการสานต่อนโยบาย Carbon Neutrality เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำของอาเซียนในด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ โดยให้ความสำคัญต่อการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และรัฐบาลจะใช้การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในภาคการผลิต ภาคบริการ และภาคการเงิน
“SPCG ตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด อีกทั้งยังตั้งปณิธานในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง ในฐานะผู้บุกเบิกธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นพลังงานที่สะอาดด้วยโครงการโซลาร์ฟาร์มในประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 36 โครงการ รวมกำลังการผลิตกว่า 260 เมกะวัตต์ ธุรกิจของเราจึงไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและชุมชนใกล้เคียง ไม่มีต้นทุนค่าเชื้อเพลิง และไม่มีการปลดปล่อยของเสีย ทำให้เราสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มากกว่า 200,000 ตันต่อปี ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาภาวะโลกร้อน และขอเชิญชวนทุกท่านให้ร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม รักษาโลกของเรา เพื่อส่งผ่านไปยังลูกหลานของเราในอนาคตต่อไป” ดร.วันดีฯ กล่าวเพิ่มเติม
ด้าน คุณอธิป ตันติวรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด กล่าวว่า หากพูดถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ภาคพลังงานคงจะเป็นอันดับแรกๆ ที่ทุกคนอาจนึกถึง ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรม บ้านเรือน หรือแม้กระทั้งการเดินทาง ทั้งหมดล้วนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน สิ่งหนึ่งที่เป็นภารกิจของ INNOPOWER คือการค้นหาเทคโนโลยีที่จะทำให้การใช้ชีวิตของเราทุกคนเป็นไปได้อย่างปกติ แต่ในขณะเดียวกันต้องทำให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดน้อยลง รวมทั้งทำให้การใช้ชีวิตประจำวันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วย เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมต้องมีการกล่าวถึงเรื่องของพลังงานทดแทนอย่างแน่นอน เพราะการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนนั้นช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมาก INNOPOWER จึงเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดผ่านธุรกิจการซื้อขายใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (I-RECs)
นอกจากนั้น INNOPOWER ยังเสาะแสวงหาเทคโนโลยีต่างๆ ที่จะทำให้การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงในอนาคตจะมีการเฟ้นหานวัตกรรมต่างๆ ในการผลิตไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ INNOPOWER ในการให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ส่งเสริมความยั่งยืนในธุรกิจ และเดินหน้าต่อยอดธุรกิจพลังงานสีเขียว เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน
Carbon Neutrality ด้วยเช่นกัน