ทุกวันนี้มีนักธุรกิจหน้าใหม่เกิดขึ้นทุกวัน เพราะความฝันของคนรุ่นใหม่คือการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่การจะสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืนนั้น คงไม่ได้เป็นเพราะความโชคดี แต่จะต้องมาจากการลงมือทำโดยมีทักษะความรู้และความชำนาญในหลายด้าน หลายคนเริ่มต้นอย่างปังแต่ไปไม่ถึงดวงดาว เพียงเพราะก้าวพลาดตั้งแต่เริ่มต้น คิดว่ามีแค่ passion ก็เพียงพอที่จะขับเคลื่อนธุรกิจไปได้ แต่ความจริงแล้วการที่ธุรกิจจะยืนระยะ หวังผล และประสบความสำเร็จยั่งยืนได้ ความรู้และประสบการณ์ที่มากพอต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญ
“กู๋แมท” สุวิทย์ เอื้อศักดิ์ชัย ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญการพัฒนากลยุทธ์แบรนด์และการตลาด ที่มีประสบการณ์ในการสร้างแบรนด์ดังมากว่า 150 แบรนด์ และยังเป็นพิธีกรรายการ SME มีดี รายการที่ให้ความรู้ด้านการสร้างแบรนด์และการทำตลาดแก่ผู้ประกอบการ ได้กล่าวถึงการสร้างธุรกิจของคนรุ่นใหม่ว่ามักจะมีแนวคิดที่อยากจะทำธุรกิจเป็นของตัวเอง และมักจะใช้ passion หรือความหลงใหลในสิ่งนั้น ๆ มาเป็นจุดเริ่มต้น โดยใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลาง ขาดการวิเคราะห์ข้อมูล ลืมนึกถึงตลาด หรือความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค จึงทำให้ธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จ ดัง ปัง เพียงชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น
“ยังมีผู้ประกอบการรายย่อยอีกเป็นจำนวนมาก ที่ไม่เข้าใจเรื่องการสร้างแบรนด์ว่ามีความสำคัญอย่างไร จะทำให้ธุรกิจมีความยั่งยืนได้อย่างไร และไม่เห็นความสำคัญของการทำพีอาร์ ซึ่งการจะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนในยุคนี้นั้น ผู้ประกอบการจะต้องสร้างแบรนด์ และมีความรู้เรื่องแบรนด์ นอกจากนี้ยังมีตัวแปรที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ เงินทุน ซึ่งเงินทุนนี้จะมีเท่าไรก็ได้ แต่จะต้องมีแล้วเราเอาเงินทุนจำนวนนี้มาวิเคราะห์ มาวางแผนว่าสเต็ปของการสร้างแบรนด์จากเงินทุนที่มีอยู่นี้ ควรจะทำอย่างไร มาดูว่าเงินทุนจำนวนที่มีนั้นจะช่วยอะไรในธุรกิจได้บ้าง การสร้างแบรนด์ คุณต้องมีเงินทุน แต่ไม่ได้หมายความว่า คุณจะต้องใช้เงินหว่านไปทุกหย่อมหญ้า แต่บางทีผู้ประกอบการก็หลีกเลี่ยงที่จะไม่สร้างแบรนด์ ไม่ประชาสัมพันธ์ เพราะคิดว่าแค่ไปโพสต์บนเฟสบุ๊ก ทำติ๊กต่อก เพื่อให้เกิดไวรัลก็พียงพอแล้ว แต่มันจะไม่ยั่งยืน” สุวิทย์ เอื้อศักดิ์ชัย กล่าว
“กู๋แมท” สุวิทย์ เอื้อศักดิ์ชัย
ข้อผิดพลาดหนึ่งของคนอยากทำธุรกิจเป็นตัวเองที่พบได้บ่อยคือ การเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง โดยขาดความรู้ และประสบการณ์ หลายธุรกิจเริ่มต้นจาก passion หรือการสร้างสินค้าคุณภาพ แต่ก็ไม่ยังปัง เพราะขาดความเข้าใจเรื่องการสร้างแบรนด์และการทำพีอาร์
“บางคนอยากจะสร้างแบรนด์สินค้า อยากจะให้หรูหราเทียบเท่าแบรนด์ดัง ๆ ก็ไปมองว่าสินค้าของตัวเองใช้วัตถุดิบมาจากแหล่งเดียวกัน หรือมีคุณภาพเทียบเท่ากับแบรนด์ดัง ๆ โดยลืมคิดไปว่าต้นทุนและระยะเวลาของการสร้างชื่อเสียงแบรนด์นั้น มันแตกต่างกัน เพราะแม้ว่าคุณจะเป็น owner หรือ founder แต่ถ้าคนไม่รู้จักคุณ ถ้าคุณไม่เคยทำพีอาร์ให้โลกรู้ว่าคุณเป็นใคร คุณแค่รู้ว่าคุณเอาวัตถุดิบมาจากแหล่งเดียวกับแบรนด์ดัง แค่นี้มันยังไม่พอ น้ำหนักมันไม่มากพอ เพราะผู้บริโภคหรือลูกค้าก็จะเกิดคำถามว่าแล้วทำไมจะต้องซื้อสินค้าของคุณในราคาแพงระดับเดียวกับแบรนด์ดัง ผู้บริโภคก็จะไม่เลือกคุณ ความผิดพลาดในเรื่องนี้ก็คือ การไปมองว่าของตัวเองมีคุณภาพ แต่ลืมมองว่ายังไม่ได้สร้างชื่อเสียงให้ตัวเองให้แข็งแรงพอ อย่าลืมว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคนั้นต้องการเสพแบรนด์ รู้สึกฟินกับแบรนด์ ให้คุณค่ากับแบรนด์ นี่คือมุมสะท้อนกลับของผู้บริโภค เพราะมันเป็นเรื่องของสถานภาพ เป็นค่านิยม”
นอกจากการให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์แล้ว ยังมีปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาสำหรับคนอยากทำธุรกิจของตัวเองให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนด้วย นั่นคือ
- การหาจุด Pain Point ในตลาดและกลุ่มเป้าหมายให้ได้ ผู้ประกอบการต้องรู้ความต้องการของผู้บริโภค หากไม่รู้ว่าตลาดเป็นอย่างไร จะทำอย่างไรให้สินค้ามีความแตกต่าง และไม่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ ก็มีสิทธิ์ตกม้าตายตั้งแต่ต้น ดังนั้น การหาจุด Pain Point ให้เจอ จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของชัยชนะ
- การทำความเข้าใจสินค้าและบริการของตัวเอง ผู้ประกอบการต้องรู้จุดอ่อน จุดแข็ง กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และตัวตนของสินค้าตัวเอง เพื่อจะการทำตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การตั้งราคาสินค้าหรือบริการ จะต้องมีความเหมาะสม และไม่ควรเริ่มจากราคาที่ต่ำสุดจนเสี่ยงต่อการขาดทุน หรือสูงสุดจนขายไม่ได้
- Team Work การสร้างธุรกิจจำเป็นต้องใช้ทักษะความรู้ความชำนาญจากคนหลายกลุ่ม จึงควรมีทีมทำงานที่ดีคอนสนับสนุนในการเริ่มต้นธุรกิจ
- คิดถึงประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ มากกว่าเงินที่จะได้จากลูกค้า จะทำให้เกิดฐานลูกค้าที่เหนียวแน่น และยังทำให้ลูกค้าเดินเข้าหาแบรนด์ด้วย
- ควรมีเงินสำรองในการทำธุรกิจอย่างน้อย 6 เดือน แต่จะให้ดีควรมีประมาณ 1 ปี เพราะการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ๆ อาจจะยังไม่ได้รับผลกำไรหรือยอดขายตามที่คาดหวัง และต้องใช้เวลากว่าที่ลูกค้าจะรู้จัก วางใจ และให้การยอมรับ
- ต้องมีแผนสำรอง ควรมีการวางแผน 2-3-4 สำรองไว้เสมอ และต้องคำนึงถึงจุดแย่ที่สุดของธุรกิจเผื่อไว้ด้วย เพื่อจะได้เตรียมแผนการรับมือ