ทุกชีวิตเมื่อเดินทางมาถึงจุดๆ หนึ่ง ถึงเวลาที่จะต้องมีการ”ตั้งคำถาม” เพื่อ “การเติบโต” สู่วันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า เช่นภาษาของนักบริหารที่มักใช้คำว่า “benchmark” เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาจาก “รอยทาง” ที่ตนเคยสร้างมา รวมทั้งได้ศึกษาจากผู้อื่นที่อยู่รอบข้าง
เช่นเดียวกับ คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ใช้เวลากว่าครึ่งศตวรรษ บุกเบิกและทุ่มเทเพื่อให้มาซึ่งได้บริการที่สูงด้วยมาตรฐานแก่ประชาชนชาวไทย และต่อมาได้ขยายผลสู่ระดับนานาชาติ เช่นในปัจจุบันจากการ “ตั้งคำถาม” ที่มองไกลไปถึงการหาโอกาสที่จะได้ “benchmark” กับกายภาพบำบัดของประเทศซึ่งเป็นที่ยอมรับในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีแทบทุกด้านของโลก เช่นประเทศญี่ปุ่น
กภ.สุธิดา สกุลกรุณา ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบริการสุขภาพ และนักกายภาพบำบัดชำนาญการพิเศษ คณะกายภาพบำบัดมหาวิทยาลัยมหิดล ได้กล่าวถึงความก้าวหน้าของคณะฯ ซึ่งได้ผ่านการรับรองมาตรฐานจากสภากายภาพบำบัดในระดับ”ดีเยี่ยม” ถึง 2 รอบการประเมิน โดยได้ระดับ “ดีมาก” ตั้งแต่เข้ารับการประเมินเพียงครั้งแรก จนปัจจุบันเป็นที่ไว้วางใจจากมหาวิทยาลัยในประเทศอินโดนีเซีย และไต้หวัน
ผ่านเครือข่ายออนไลน์ “HeaRTS” (Health CaRe Tele-delivery Service) ซึ่งเป็น “รอยทาง” ที่ริเริ่มสร้างขึ้นโดยคณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อให้การปรึกษาและแลกเปลี่ยนแนวทางการให้การบำบัดที่มีประสิทธิภาพระหว่างนักกายภาพบำบัดวิชาชีพจากทั้งในและนอกประเทศ
จุดเด่นของคณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล อยู่ที่การมี “คลินิกกายภาพบำบัด” ที่มีศักยภาพสูง สามารถรับผู้ป่วยมาเข้ารับการบำบัดได้เองในเบื้องต้น โดยไม่ต้องผ่านโรงพยาบาล ซึ่งนับเป็นที่แรกและที่เดียวในประเทศไทย
อีกทั้งได้มีการพัฒนาคุณภาพการให้บริการจากการทำงานวิจัยที่ไม่ได้มีเฉพาะจากสายวิชาการ แต่ยังรวมถึงจากสายวิชาชีพที่สามารถหยิบยกโจทย์วิจัยจากการบำบัดอาการของผู้ป่วยได้โดยตรง และแบบ “tailor made” หรือออกแบบได้ตามความจำเป็นเฉพาะราย
โดยในภูมิภาคเอเชีย พบลักษณะการให้บริการด้านกายภาพบำบัดที่สามารถรับผู้ป่วยเพื่อเข้ารับการบำบัดได้เองในมาตรฐานใกล้เคียงกันที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าหลังช่วงวิกฤติ COVID-19 นี้จะได้มีการติดต่อประสานเพื่อลงนามความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกันต่อไป
สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นที่ภาคภูมิใจของสายวิชาชีพแห่งคณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล และได้สร้างชื่อจากการสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศจากงานมหกรรมคุณภาพของมหาวิทยาลัยมหิดลที่ผ่านมา คือ การสร้างนวัตกรรมจากการ”ตั้งคำถาม” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดกรองผู้ป่วยเบื้องต้น
โดยได้ระดมนักกายภาพบำบัดวิชาชีพที่มีความเชี่ยวชาญในการบำบัดผู้ป่วยในแต่ละกลุ่มอาการของคลินิกกายภาพบำบัด คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล มาร่วมจัดทำแบบสอบถามที่สามารถอัพเดทได้ตลอดเวลา เพื่อให้สามารถเข้าถึงการแก้ปัญหาสำหรับผู้ป่วยได้อย่างตรงจุดมากที่สุด อีกทั้งมีส่วนช่วยให้เกิดการทำกายภาพบำบัดในแต่ละครั้งที่เห็นผลโดยใช้เวลาที่สั้นลง
ด้วยพลังของนักกายภาพบำบัดวิชาชีพแห่ง คลินิกกายภาพบำบัด คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดลพร้อมเป็นกำลังสำคัญสู่การบรรลุวิสัยทัศน์เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำกายภาพบำบัดระดับเอเชีย และพร้อมเป็นที่พึ่งให้ประชาชนชาวไทยได้นึกถึงทุกครั้งที่เจ็บป่วย ตราบใดที่สังคมไทยยังไม่หยุด “ตั้งคำถาม” เพื่อการค้นหาทางเลือกสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า