Sunday, 9 February 2025 - 6 : 25 am
kanda_002
OIC_001
data-no-lazy="1"
kanda_002
OIC_001

นักวิชาการมธ.แนะรัฐบาลโฟกัส “กลุ่มนักท่องเที่ยวสูงอายุ”มีกำลังซื้อสูง ควบคู่ อเมซิ่ง ไทยแลนด์ฯ

นักวิชาการธรรมศาสตร์ แนะรัฐบาลโฟกัส “กลุ่มนักท่องเที่ยวสูงอายุ” ที่อยู่ในประเทศนาน มีกำลังซื้อสูง ควบคู่กับการขับเคลื่อนโครงการอเมซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์ทัวร์ริซึม แอนด์ สปอร์ต ที่เน้นเฉพาะวัยรุ่น-วัยทำงาน และยังเป็นรูปแบบเดิม ระบุ ควรผลักดัน “การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์” ขับเคลื่อนผ่านชุมชน-วัฒนธรรมท้องถิ่น เป็นซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ
 
รัฐบาล นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศให้ปี 2568 เป็นปี อเมซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์ทัวร์ริซึม แอนด์ สปอร์ต โดยจะมีการจัดคอนเสิร์ตการแสดง และกีฬาระดับโลก หวังดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 39 ล้านคน หวังกวาดรายได้ไม่ต่ำกว่า 3 ล้านล้านบาท โดยผนึกกำลังพันธมิตรทุกภาคส่วน ร่วมจุดพลังท่องเที่ยวไทยสู่ก้าวต่อไปที่ยิ่งใหญ่ พร้อมยกระดับมาตรการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย ตอกย้ำความตั้งใจในการผลักดันประเทศไทยเป็น Tourism Hub ระดับโลก

รศ.ดร.สายฝน สุเอียนทรเมธี คณบดีวิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า โครงการอเมซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์ทัวร์ริซึม แอนด์ สปอร์ต (อเมซิ่ง ไทยแลนด์ฯ) ที่จะผลักดันกันในปี 2568 โดยตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามายังประเทศไทยไว้ที่ 39 ล้านคน และหวังกวาดรายได้ 3-3.5 ล้านล้านบาทนั้น ส่วนตัวเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ และหากย้อนกลับไปดูยอดนักท่องเที่ยวที่เข้ามายังประเทศไทยในปี 2567 พบว่ามีจำนวน 35.5 ล้านคนโดยประมาณ ฉะนั้นการเพิ่มอีกเพียง 5 ล้านคน เพื่อให้ถึงเป้าหมาย 39-40 ล้านคน คงไม่ใช่เรื่องยาก 

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาในรายละเอียดของโครงการแล้ว ส่วนตัวมองว่ายังเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวแบบเดิม เช่นเดียวกับเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา คือมีการจัดกิจกรรมดนตรี อาหาร กีฬา ฯลฯ ซึ่งแน่นอนว่า กิจกรรมเหล่านี้เป็นจุดมุ่งหมายเดิมของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาประเทศไทยอยู่แล้ว และการมุ่งเน้นไปที่ดนตรี กีฬา จะได้นักท่องเที่ยวในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานเป็นหลัก ซึ่งคนกลุ่มนี้จะอยู่ในประเทศไทยสั้น จับจ่ายใช้สอยน้อย เมื่อเทียบกับกลุ่มผู้สูงอายุ

รศ.ดร.สายฝน สุเอียนทรเมธี คณบดีวิทยาลัยสหวิทยาการ มธ.

รศ.ดร.สายฝน กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่อยากเสนอแนะรัฐบาลคืออยากให้เพิ่มเติมหรือให้น้ำหนักการพุ่งเป้าไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อ และมีเวลาในการท่องเที่ยวหรือพร้อมที่จะอยู่ในประเทศเป็นเวลานาน ซึ่งคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องการใช้ชีวิตภายหลังการเกษียณจากการทำงาน ซึ่งถือว่ามีจำนวนมาก ส่วนตัวจึงอยากให้รัฐบาลพูดถึงเรื่องการสร้างระบบนิเวศ (ecosystem) ผ่านการการออกแบบเมืองที่เป็นมิตร และมองไปที่เศรษฐกิจผู้สูงวัย (silver economy)

“นักท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงวัยเขาไม่ได้ต้องการแหล่งท่องเที่ยวเยอะๆ วันหนึ่งอาจจะไปแค่ 1–2 สถานที่เท่านั้น และเขาต้องการมาเที่ยวเมืองเล็กๆ หรือเมืองรอง ไม่ได้ต้องการไปเมืองใหญ่ๆ เขาต้องการการเที่ยวที่เน้นความสบาย อยู่แล้วรู้สึกเหมือนได้รับการพักผ่อน มีความปลอดภัย มีโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับไม่ว่าจะเป็นโรงแรมที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ การเข้าถึงบริการทางสุขภาพได้ง่าย รวมถึงผู้คนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส มีความเข้าใจและต้อนรับพวกเขา” รศ.ดร.สายฝน กล่าว

รศ.ดร.สายฝน กล่าวอีกว่า หากรัฐบาลต้องการสร้างรูปแบบการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ส่วนตัวมองว่า ควรจะต้องออกแบบให้ผู้คนในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งจะเห็นว่าที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่อยากจะมีประสบการณ์ร่วมกับวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยชุมชนผู้ซึ่งเป็นเจ้าของวัฒนธรรมจะสามารถเข้ามาให้บริการกับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้ ซึ่งก็ต้องมีการพัฒนาทักษะต่างๆ ให้กับคนในชุมชน และพัฒนาระบบนิเวศให้มีความพร้อมในการรองรับ สิ่งเหล่านี้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ และกำลังเป็นเทรนด์การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ๆ ที่เรียกว่าการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์

“ข้อจำกัดที่สำคัญภายในประเทศของเรา คือเรื่องการขนส่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวมีความยากลำบากในการเดินทาง โดยเฉพาะเมืองเล็กๆ หรือเมืองรองซึ่งยังคงเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนา ถ้ารัฐบาลจะผลักดันเรื่องเมืองรอง จะต้องทำให้นักท่องเที่ยวเขาสามารถเดินทางเองได้โดยสะดวกด้วยผ่านรถบริการสาธารณะที่เข้าถึงได้” รศ.ดร.สายฝน กล่าว

© 2021 thairemark.com