นักวิชาการ มข.ยอมรับเงินดิจิตอลลูกผีลูกคน หลัง ปปช.ตอบกลับมาชัดเจน แนะเพื่อไทย ออกมารับสารภาพว่าทำไม่ได้อย่าหลอกคนไทยไปเรื่อยๆ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 18 ม.ค. 2567 ที่คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. รศ.ดร.พรอัมรินทร์ พรหมเกิด อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษวิทยา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มข. เปิดเผยว่า หลังจากรัฐบาลได้ฟังข้อเสนอแนะของ ปปช. แล้ว คิดว่ารัฐบาลโดยการนำของพรรคเพื่อไทยว้าวุ่นใจอย่างมากเพราะว่าข้อเสนอแนะของ ปปช. ต่างจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่ได้ชี้อะไรออกมาให้ชัดเจนเพียงแต่บอกให้รัฐบาลทำตามกฎหมายเท่านั้น แต่ ปปช. ให้ข้อเสนอแนะ เรื่องป้องกันความเสี่ยงจากการทุจริตทั้งในเชิงนโยบายรวมถึงการนำนโยบายไปปฏิบัติ ซึ่งข้อเสนอแนะของ ปปช. มีน้ำหนักมากกว่าทำให้รัฐบาลปัจจุบันว้าวุ่นใจมากพอสมควร
“ที่มีน้ำหนักเพราะพูดถึงประเด็นข้อกฎหมาย และสภาวะทางเศรษฐกิจ มีทั้งกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเรื่องเกี่ยวกับการกระทำผิดของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งมีเรื่องสัญญาว่าจะให้อยู่ด้วยเรื่องนี้รัฐบาลคิดหนัก ถ้าจะวิเคราะห์จริงๆ การแจกเงินดิจิตอล 10,000 บาท มาจากรัฐบาลกระทำโดยเร่งรีบไม่ได้มีการศึกษาให้รอบครอบและไม่ได้มีการศึกษาในภาคปฏิบัติว่าจะไปปฏิบัติอย่างไรรวมทั้งไม่ได้วิเคราะห์ปัจจัยความเสี่ยงทั้งทางเศรษฐกิจและเรื่องของกฎหมาย ทำให้มีผลไม่ตรงปกกับตอนที่หาเสียงไว้เหมือนตอนที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา”
รศ.ดร.พรอมรินทร์ กล่าวต่ออีกว่า ตอนที่หาเสียงบอกว่าคนไทยทุกคนตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไปมีจำนวน 65 ล้านคนจะได้หมด แต่ตอนหลังเงื่อนไขถูกเปลี่ยนไปเป็นว่าคนไทยตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปแต่ต้องมีเงินเดือนไม่เกิน 70,000 บาท และมีเงินฝากในบัญชีธนาคารไม่เกิน 50,000 บาท ซึ่งไม่ตรงปกเหมือนตอนหาเสียงไว้
“มีคำถามว่าจะเอาเงินมาจากไหนเงินจำนวน 5.6 แสนล้าน ตอนแรกรัฐบาลบอกว่าจะบริหารงบประมาณจะไม่กู้ แต่ในท้ายที่สุดรัฐบาลเข้าตาจนจะเสนอ พรบ.เงินกู้ แล้วอ้างสถานการณ์ฉุกเฉินอ้าวว่ามีวิกฤตเศรษฐกิจ ตอนนี้นโยบายนี้ลูกผีลูกคนขึ้นอยู่กับรัฐบาลด้วยว่าจะกล้าลุยไฟหรือไม่เพราะมีประเด็นในแง่การผิดกฎหมายและผิดกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ กฎหมายวินัยการเงินการคลังรัฐบาลต้องมีความเสี่ยงอย่างมาก ที่ผ่านมาคะแนนนิยมพรรคเพื่อไทยเสียอยู่แล้วตั้งแต่เริ่มต้นจัดตั้งรัฐบาลเพราะว่าไม่รักษาสัจจะและหลายอย่างไม่สามารถทำได้อย่างที่หาเสียงไว้แต่ทางออกที่ดีของรัฐบาลตอนนี้ไหนๆก็เสียแล้ว อาจจะดูกลุ่มประชาชนเป้าหมาย กลุ่มคนยากจน กลุ่มเปราะบางจริงๆ กลุ่มประชาชนที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนและคนที่เดือดร้อนจริงๆควรจะได้รับ ดังนั้นรัฐบาลต้องกล้าสารภาพผิดกับสิ่งที่ทำมาว่าไม่ได้กลั่นกรองให้ดีก่อน เป็นทางออกที่ดีที่สุด”