“พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ปลุกสมาชิกพรรค-ตัวแทน-สาขาพรรค รทสช.ให้มีความภาคภูมิใจในความเป็น“รวมไทยสร้างชาติ” ที่ยึดมั่นทำงานเพื่อประโยชน์ประเทศชาติและประชาชนทุกคนไม่มีแบ่งแยก ย้ำตั้ง“สถานียุติธรรม”เป็นศูนย์รวมรับและแก้ปัญหาให้ประชาชนทั้งประเทศ
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ที่โรงแรมอัญชาลีน่าแกรนด์ กรุงเทพฯ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เป็นประธานเปิดอบรมสัมมนาตัวแทนสาขาพรรครวมไทยสร้างชาติ ภายใต้หัวข้อ ” สถานียุติธรรม ” (ศูนย์ประสานงานรับเรื่องร้องทุกข์ของประชาชน) โดยมี นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร รองหัวหน้าพรรค นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ รองหัวหน้าพรรค นายโกวิท ธารณา รองหัวหน้าพรรค พ.อ.เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา ผอ.พรรค พร้อมผู้บริหารพรรค สมาชิกและตัวแทนสาขาพรรคร่วมกิจกรรมคับคั่ง
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ทุกคนได้มีโอกาสมาพบกันครั้งแรกหลังการเลือกตั้ง ช่วงที่ผ่านมาทุกคนในพรรคได้ช่วยกันทำงานอย่างหนัก โดยมีเป้าหมายเพื่อการทำงานให้กับประเทศชาติและประชาชน ตั้งแต่ตน และนายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ เริ่มทำพรรครวมไทยสร้างชาติมาจนถึงวันนี้เป็นเวลา 1 ปีเศษแล้ว ครั้งนั้นเป็นการเริ่มต้นแบบไม่มีอะไรเลย มีเพียงความมุ่งมั่น ความตั้งใจ ในการทำพรรคว่า จะไปในทิศทางไหน
นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า ตนและนายเอกนัฏมีประสบการณ์เป็น สส.เขตมาก่อน จึงมีความใกล้ชิดกับประชาชน ทำให้ทราบว่า ประชาชนมีปัญหาแต่ไม่มีที่พึ่ง ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ส่วนใหญ่มักจะส่งไปไม่ถึงผู้บริหารในระดับรัฐบาล หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทำให้ประชาชนคิดว่าปัญหาของพวกเขาถูกมองว่า ไม่ได้รับความสำคัญ นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ตนคิดว่าจะทำพรรคการเมืองอย่างไรที่สามารถช่วยเหลือประชาชน และพร้อมจะฟังปัญหาของชาวบ้าน นำปัญหาเหล่านั้นมาแก้ไขให้มากที่สุด แม้ในทางปฏิบัติจะไม่สามารถแก้ไขให้สำเร็จได้ทุกเรื่อง แต่อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าพรรคใส่ใจ พยายามแก้ไขปัญหาให้ เพื่อให้ประชาชนมีกำลังใจในการต่อสู้กับปัญหาเหล่านั้น
“เพราะความตั้งใจในการทำงานโดยมุ่งแก้ปัญหาให้ประชาชนเป็นหลัก ทำให้ไม่เคยคิดว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะต้องเติบโตมามีอำนาจทางการเมือง หรือต้องมี สส.จำนวนมากอย่างเดียว แต่ตั้งใจว่าจะมาช่วยกันสร้างพรรคแบบนี้สักครั้ง อย่างน้อยก็ได้ชื่อว่าได้พยายามทำและลงมือทำแล้ว จึงได้พยายามขายความคิดแบบนี้ให้กับทุกๆ คนที่เข้ามาเป็นสมาชิกพรรคเพื่อทำงานให้กับประชาชนในการ “สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง” ซึ่งเป็นความเป็นตัวตนของผมตลอดชีวิตทางการเมือง และอยากจะให้มีพรรคการเมืองที่ทำงานกันแบบนี้อย่างแท้จริง นี่คือความเป็นมา ที่อยากจะให้ทุกคนได้ทราบว่าพรรคนี้ตั้งขึ้นมาไม่ใช่เพื่อแสวงหาโอกาสทางการเมืองให้กับหัวหน้าพรรค ให้กับผู้บริหารพรรคหรือสมาชิกพรรค แต่แสวงหาโอกาสทางการเมืองช่วยแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน” นายพีระพันธุ์ กล่าว
หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวต่อว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลังการเลือกตั้ง ไม่เคยปรากฏข่าวว่า พรรคไปวิ่งเต้นขอเข้าร่วมรัฐบาล หรือต่อรองขอตำแหน่ง ร้องขอกระทรวงใดๆ แต่เมื่อมีโอกาสเข้าร่วมรัฐบาลก็ไม่เคยมีข่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติแตกแยกเพื่อแย่งตำแหน่ง และนี่คือสิ่งที่ตนรู้สึกดีใจและภูมิใจในสมาชิกพรรคทุกคน สิ่งที่ประชาชนคาดหวังวันนี้คือพรรคการเมือง และสมาชิกพรรคการเมืองที่แตกต่างจากพรรคการเมืองเดิมๆ ที่ประเทศนี้เคยมี เมื่อตนเข้ามาทำหน้าที่ในคณะรัฐมนตรี ก็พยายามทำด้วยความตั้งใจมาตลอดชีวิตและตั้งใจให้เป็นภาพของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เข้ามาทำงานจริง และแก้ไขปัญหาจริง พรรคอื่นอาจจะทำไม่ได้แต่พรรครวมไทยสร้างชาติทำให้ได้ และมาถึงวันนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วพรรครวมไทยต่างชาติทำได้ เมื่อมีคนมาถามว่าทำไมทำได้ ตนก็บอกว่าเพราะมีสมาชิกพรรคสนับสนุน เพราะประชาชนสนับสนุนและเพราะนโยบายที่ยึดมั่นอย่างเข้มข้นตลอดว่า เรามาเพื่อทำงานให้กับชาวบ้าน ถ้าไม่ได้มาเพื่อแสวงหาประโยชน์ ทุกอย่างถ้าไม่มีประโยชน์ส่วนตัวทำได้ทั้งหมด
นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า สมัยที่ตนเป็นรมว.ยุติธรรมเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว ได้เห็นปัญหาแบบเดียวกัน ตอนลงไปตรวจราชการ ได้มีโอกาสอ่านหนังสือร้องเรียน พบว่า ปัญหาแตกต่างกันแต่หัวใจของปัญหาเหมือนกัน คือความเดือดร้อน ไม่มีที่พึ่ง ไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใคร ตอนนั้นจึงได้ตั้งโครงการ “สถานียุติธรรม” ขึ้นมาเริ่มต้นด้วยการรับสมัครอาสาสมัครยุติธรรมทั่วประเทศ ดำเนินการในนามกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้ชาวบ้านได้เข้ามาร้องเรียนปัญหาความเดือดร้อน เพราะส่วนใหญ่ไม่กล้าไปสถานีตำรวจ และไม่มั่นใจ บางคนบอกว่าเป็นชาวบ้านธรรมดาไม่ได้รับความสำคัญ จึงเป็นจุดคิดว่า ถ้าหากสังคมอยู่กันแบบนี้จะอยู่ไม่ได้แน่ หากชาวบ้านรู้สึกว่า ไม่มีความยุติธรรมในสังคม ก็เหมือนกับสำนวนไทยที่ว่า “คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก”
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากสังคมนี้ทำให้คนรู้สึกอึดอัดใจ ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของความแตกแยก ตนจึงตั้งโครงการสถานียุติธรรม รับสมัครสมาชิกมาเป็นเจ้าหน้าที่ของสถานียุติธรรม เพื่อทำหน้าที่รับเรื่องราวร้องทุกข์เวลาที่ชาวบ้านเดือดร้อน นอกจากไปที่สถานีตำรวจแล้วยังมีที่พึ่งก็คือกระทรวงยุติธรรม โดยโครงการสถานียุติธรรมในช่วงนั้นเรียกว่า ยุติธรรมจังหวัด มีการประสานทำงานกับยุติธรรมจังหวัด เมื่อชาวบ้านเดือดร้อนสามารถให้เจ้าหน้าที่ของสถานียุติธรรม และยุติธรรมจังหวัดช่วยประสานกับหน่วยงานต่างๆ ก็ทำให้ปประชาชนมีที่พึ่งมากขึ้น แต่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองระยะต่อมา ก็มีการยกเลิกโครงการนี้ไป สมัยนั้น พ.อ.เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา ผอ.พรรครวมไทยสร้างชาติในวันนั้นดำรงตำแหน่งเลขานุการรมว.ยุติธรรม เคยทำหน้าที่ในการช่วยดูแลโครงการสถานียุติธรรมมาก่อน วันนี้ก็ต้องขอบคุณท่าน ผอ.พรรคที่นำโครงการนี้กลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
นายพีระพันธุ์ กล่าวด้วยว่า อยากจะย้ำวัตถุประสงค์เป้าหมายของการเข้ามาทำงานการเมืองของทุกคนว่า เข้ามาทำงานเพื่อส่วนรวม การทำงานการเมืองไม่ได้แปลว่า ต้องมีตำแหน่ง ถ้าเมื่อไหร่รู้สึกเข้ามาเพื่ออยากมีตำแหน่งก็จะทำงานให้สำเร็จไม่ได้ การเข้ามาทำงานการเมืองคือ การเข้ามาเสียสละทุกอย่างที่เป็นของตัวเองเพื่อคนอื่น เช่นเดียวกับการอบรมโครงการสถานียุติธรรมที่ทำหน้าที่ทางการเมืองคือ รับดูแลชาวบ้าน เพราะคือความสุขที่ได้ดูแลและได้มีโอกาสช่วยสังคมช่วยชาวบ้าน เมื่อทำงานไปแล้วจะมีโอกาสได้เป็นดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่เป็นผลพลอยได้จากการทำงาน
หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังกล่าวย้ำถึงแนวทางการสื่อสารในยุคปัจจุบันเพื่อเผยแพร่ผลงาน และแนวทางการรับความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ว่า วันนี้เทคโนโลยี หรือโซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทสูงมาก ทางพรรคเองได้พยายามปรับปรุงแนวทางใช้โซเชียลมีเดียเพื่อประชาสัมพันธ์ เพราะเข้าถึงประชาชนได้ง่ายและเร็วกว่าในอดีต แต่หากไม่มีเนื้อหาในการเผยแพร่ก็ไม่มีประโยชน์ เนื้อหาที่สามารถนำไปใช้ในโซเชียลมีเดียได้ก็คือ การทำงาน การเข้าไปดูแลประชาชน การเข้าไปดูแลพื้นที่ การเข้าใจปัญหาการรู้วิธีแก้ไขปัญหา และการมีทีมงานที่ดีที่จะช่วย แต่โลกของความเป็นจริงไม่เคยเปลี่ยนคือต้องทำงาน ฉะนั้นสมาชิกพรรคไม่ว่าจะเป็นในระดับใดก็ต้องทำงานในพื้นที่ ขยันดูแลพื้นที่ ถ้าไม่มีผลงานมาปรากฏก็ไม่มีประโยชน์เลย
“การทำงานอย่าเอาการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง ต้องทำให้ประชาชนเห็นถึงความตั้งใจของทุกคนมาด้วยความตั้งใจช่วยจริงๆ เขาจะเลือกพรรคเราหรือไม่เลือกไม่ใช่ปัญหา ถ้าเขาเป็นประชาชนเราต้องดูแล อย่าแบ่งแยกคน การที่เราจะเป็นพรรคการเมืองที่ดีเราต้องไม่แบ่งแยก ทุกคนคือคนไทย เป็นคนของพรรครวมไทยสร้างชาติทั้งหมด ขอให้ทุกท่านนำแนวทางนี้ไปร่วมกันสรรค์ สร้างโครงการสถานียุติธรรมของพรรครวมไทยสร้างชาติให้เกิดความสำเร็จ ช่วยกันสร้างพรรค สร้างความศรัทธา สร้างความเชื่อมั่นในทางการเมืองให้กับประชาชนว่าพรรครวมไทยสร้างชาติคืออนาคตของเขาและประเทศไทย” นายพีระพันธุ์กล่าว
สำหรับ โครงการอบรมสัมมนาตัวแทนสาขาพรรครวมไทยสร้างชาติจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “สถานียุติธรรม” (ศูนย์ประสานงานรับเรื่องร้องทุกข์ของประชาชน) จัดขึ้นในวันที่ 4 – 5 พฤศจิกายน ภายในงานเป็นการอบรมให้ความรู้ในประเด็นเชิงกฎหมาย และ แนวทางการดำเนินการด้านการเมืองของพรรครวมไทยสร้างชาติ เช่น บทบาทการเมืองของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดย นายโกวิทย์ ธารณา รองหัวหน้าพรรค, แนวทางการให้ความช่วยเหลือประชาชนด้านกฎหมาย “สถานียุติธรรม คือ สถานีของประชาชน” โดย นายณัฐนันท์ กัลยาศิริ หรือ “ทนายบอน” อดีตผู้สมัคร สส.กทม. พรรครวมไทยสร้างชาติ และการบรรยายเรื่องเศรษฐกิจไทยกับพรรครวมไทยสร้างชาติ โดย นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ อดีต ผู้สมัคร สส.กทม.พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นต้น