รัฐบาลจัดเต็มที่ เทงบ 2 พันล้านบาท แก้ปัญหาแรงงานไทยในอิสราเอลทั้งที่กลับมาแล้วและรอตัดสินใจ อัดเงินชดเชยเพิ่มเป็นครึ่งแสน-ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ว่า ในที่ประชุม ครม.มีการพูดคุยกันถึงการช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล มีรายงานจากฝ่ายความมั่นคงและสถานทูตไทยประจำอิสราเอล ทราบว่าการต่อสู้ไม่ได้เบาบางลงไป แต่กลับทวีความเข้มข้นขึ้น และมีการปฏิบัติภาคพื้นดินอย่างต่อเนื่อง ความอันตรายยังมีอยู่มาก เรายืนยันต่อไปอยากให้พี่น้องคนไทยกลับมา ต้องมีการปฏิบัติการเชิงรุก เพราะรู้ว่าการที่พี่น้องไม่กลับมาเพราะเรื่องการเงิน โดยหลักมี 2 เรื่อง คือแรงงานที่กลับมาแล้วและที่จะกลับมาในอนาคตจะได้เงินชดเชยคนละ 5 หมื่นบาท และจะได้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำระยะยาวคนละไม่เกิน 150,000 บาทผ่านธนาคารออมสินและธ.ก.ส.ไว้แก้หนี้ ตลอดทั้งเป็นทุนประกอบอาชีพ หวังจูงใจให้กลับประเทศ
ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.ได้อนุมัติเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 2 พันล้านบาท โดยธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แบ่งกันดูแลแห่งละ 1 พันล้านบาท ปล่อยกู้แรงงานไทยที่เดินทางกลับจากอิสราเอลรายละ 1.5 แสนบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 3 รัฐบาลช่วยร้อยละ 2 ผู้กู้จ่ายเองร้อยละ 1 ผ่อนชำระ 20 ปี คำนวณออกมาแล้วผ่อนเดือนละ 689.84 บาท ให้มายื่นระหว่างวันที่ 3 พ.ย.2566-30 มิ.ย.2567 ถือเป็นมาตรการที่จะดูแลแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในอิสราเอล
นายชัย กล่าวอีกว่า พร้อมกันนี้นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ได้เสนอในที่ประชุมเป็นกรณีพิเศษว่า เงินเยียวยาที่ดูแลแรงงานที่กลับมาคนละ 1.5 หมื่นบาท อาจจะไม่เพียงพอ จึงเสนอขออนุมัติงบกลางจ่ายให้เพิ่มอีกคนละ 5 หมื่นบาท นายกฯรับปากในที่ประชุมว่าให้และให้มีผลย้อนหลังกับแรงงานที่เดินทางมาก่อนหน้านี้ 5-6 พันคน ตั้งงบประมาณสูงสุดไว้ 1.5 พันล้านบาท ครอบคลุมแรงงานไทยที่อิสราเอลทั้ง 3 หมื่นคน รวมถึงขอให้มีการพักชำระหนี้ทั้งต้นและดอกแก่แรงงานไทยที่เป็นหนี้สถาบันการเงินอยู่ วงเงิน 1.5 แสนบาท เลขาธิการ ครม.ระบุว่า เพื่อให้กระบวนการถูกต้อง ครม.ครั้งหน้าให้กระทรวงแรงงานเสนอเรื่องเข้ามาที่ ครม.จะได้อนุมัติอย่างเป็นทางการ
ด้านนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการ รมว.คลัง เปิดเผยเพิ่มเติมถึงมาตรการที่ ครม.มีมติเห็นชอบโครงการสินเชื่อคืนถิ่นแรงงานไทย (อิสราเอล) เพื่อให้แรงงานไทยชำระหนี้ที่กู้ยืมสำหรับการไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลและ/หรือเพื่อลงทุนประกอบอาชีพภายหลังจากเดินทางกลับมาประเทศไทย ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สนับสนุนสินเชื่อวงเงินรวม 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นธนาคารละ 1,000 ล้านบาท ให้แก่แรงงานไทยที่ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลที่ประกอบอาชีพเดิมคือค้าขายหรืออาชีพอิสระ สามารถขอสินเชื่อผ่านธนาคารออมสิน หรือเป็นเกษตรกรหรือบุคคลในครัวเรือนเกษตรกร สามารถขอสินเชื่อผ่าน ธ.ก.ส. วงเงินสินเชื่อไม่เกินรายละ 150,000 บาท คิดดอกเบี้ยลดต้นลดดอกในอัตราร้อยละ 1 ต่อปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 งวดแรก ระยะเวลาชำระคืนเงินงวดสูงสุดไม่เกิน 20 ปี ทั้งนี้ สามารถยื่นขอสินเชื่อได้จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.2567