ด้วยความที่ทางบ้านมีฐานะยากจน ติดหนี้สิ้นชักหน้าไม่ถึงหลัง ทำให้แรงงานจากประเทศไทย โดยเฉพาะจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน) แห่ไปขุนทองที่ประเทศอิสราเอลจำนวนมาก ทั้งๆที่เป็นพื้นที่ขัดแย้งกันมายาวนานนับพันปี แต่ที่ยอมเสี่ยงแลกกับชีวิตไปทำงานที่นั่น ด้วยเหตุผลเพราะค่าแรงแพงยั่วน้ำลาย มีรายได้สูงถึง 40,000 – 50,000 บาท ต่อเดือน ( 1 สัปดาห์ ทำงาน 6 วัน หยุดวันเสาร์) ทำให้สามารถกอบโกยส่งรายได้กลับบ้านมาปลดหนี้สินให้กับพ่อแม่ได้อย่างสบาย เมื่อเทียบกับทำงานในประเทศไทยไม่เห็นฝุ่น
จากการเปิดเผยข้อมูลของกระทรวงแรงงานระบุว่าปัจจุบันมีแรงงานไทยในอิสราเอลทำงานภาคการเกษตรทั้งสิ้นประมาณ 29,900 คน(ยังไม่รวมแรงงานลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย) โดยแรงงานส่วนใหญ่อาศัยอยู่ที่เมือง เนติวอต ,สเดรอด,แอชเคโล และพื้นที่ใกล้เคียงเกิดการสู้รบระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส อีกประมาณ 5,000 คน
จุดเริ่มต้นแรงงานไทยไปทำงานที่อิสราเอลในปี 2523 โดยกลุ่มแรกส่วนใหญ่ พ่อครัว แม่ครัว และช่างฝีมือต่างๆ เช่น ช่างเชื่อม ช่างแอร์ และช่างซ่อมรถยนตร์ แต่ปี 2537 ได้ปิดพรมแดนอิสราเอลกับฉนวนกาซ่า เขตยึดครองเพื่อป้องกันการก่อการร้ายจากกลุ่มปาเลสไตน์หัวรุนแรง เลิกจ้างกลุ่มแรงงานจากปาเลสไตน์ หันมาจ้างแรงงานจากภูมิภาคอื่นแทน โดยเฉพาะจากประเทศไทยทำให้มีแรงงานแห่ไปทำงานด้วยเพิ่มขึ้นถึง 26,000 คน จนปัจจุบันมีประมาณ 29,000 คน
โดยแรงงานไทยไปทำงานที่อิสราเอลส่วนมากสมัครผ่านบริษัทจัดหางานเอกชน ค่าใช้จ่ายต่อหัวต่อคนอยู่ที่ 60,350 – 350,000 บาท โดยบริษัทจัดหางานในไทยจะจ่ายให้บริษัทจัดหางานในอิสราเอลเป็นค่าการตลาด ค่าดูแลคนงานตลอดสัญญาจ้าง ค่าบัตรโดยสารเครื่องบินเที่ยวกลับ ค่าประกันสุขภาพ 2 ปีแรก และจ่ายให้นายจ้างอีกจำนวนหนึ่ง หากเดินทางไปทำงานผ่านกระทรวงแรงงานจะถูกกว่าหลายเท่าตัวแต่ขั้นตอนยุ่งยากทำให้แรงงานที่จะไปทำงานที่อิสราเอลเลือกใช้บริการบริษัทจัดหางานมากกว่าเพราะสามารถลดขั้นตอนยุ่งยาก
สมรภูมิสู้รบดุเดือดระหว่าง อิสราเอล กับ กลุ่มฮามาส ที่บริเวณฉนวนกาซา ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงเมื่อไหร่ หลังจากทางกลุ่มฮามาส จุดชนวนสงครามเปิดปฎิบัติโจมตีอิสราเอลแบบสายฟ้าแลบเมื่อเช้าตรู่ของวันที่ 7 ต.ค.2566 ทำให้สองฝ่ายประเทศคู่ขัดแย้งบาดเจ็บตายเป็นจำนวนมาก รวมถึงคนไทยที่ไปทำงานอยู่ที่อิสราเอล(ตัวเลขล่าสุดวันที่ 10 ต.ค.2566 รวม 18 ราย บาดเจ็บอีก 8 และถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกัน 12 ราย) ซึ่งทางรัฐบาลไทยกำลังเร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากภาวะสงคราม
