“พีระพันธุ์”เรียกประชุมผู้บริหารกระทรวงพลังงานหารือลดราคาน้ำมันเบนซิน ย้ำค่าการตลาดควรอยู่ที่ไม่เกิน 2 บาท เตรียมเสนอแก้กฎหมายให้กระทรวงพลังงานมีอำนาจควบคุม ไม่ต้องรอกฎหมายของพาณิชย์เพื่อให้การลดราคาเบนซินรวดเร็วขึ้น
เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาลนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน เป็นประธานประชุมการกำหนดค่าการตลาดน้ำมันเบนซิน โดยมี นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ประธานที่ปรึกษารมว.พลังงาน , น.ส.อรพินทร์ เพชรทัต ที่ปรึกษารมว.พลังงาน , นายเริงชัย คงทอง เลขานุการรมว.พลังงาน , นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน , นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผอ.สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมประชุม
นายพีระพันธุ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า ตนได้เชิญ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของกระทรวงพลังงาน นำโดยปลัดกระทรวงพลังงานมาหารือ เรื่องการดูแลราคาน้ำมันเบนซิน เพราะปัญหาส่วนหนึ่งคือ ค่าการตลาด ทางสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานของกระทรวงพลังงานได้คิดคำนวณจากข้อมูลพื้นฐานที่เชื่อว่า เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ค่าการตลาดควรจะอยู่ที่ไม่เกิน 2 บาทต่อลิตร แต่ในความเป็นจริงวันนี้ผู้ประกอบการไปกำหนดค่าการตลาดจนสูงมากกว่าที่ต้นทุนสูงกว่านั้น
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ทางกระทรวงพลังงานเคยหารือกระทรวงพาณิชย์ว่า เมื่อน้ำมันอยู่ในบัญชีรายการควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ ขอให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยไปดำเนินการควบคุมราคาและค่าการตลาดด้วย เพื่อให้อยู่ในกรอบที่กระทรวงพลังงานกำหนด แต่ทางกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า ทางกระทรวงพลังงานมีกฎหมายเฉพาะอยู่แล้ว และมีคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดไว้เช่นกัน จึงไม่ดำเนินการให้ แต่กฎหมายเฉพาะดังกล่าว เมื่อมาดูแล้วเห็นว่า เป็นกฎหมายเฉพาะที่อ้างอิงคำสั่งนายกรัฐมนตรีปี 2562 และต้อมีวิกฤตการณ์น้ำมัน วันนี้เราเลยมานั่งหารือว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ ถ้าหากกระทรวงพลังงาน เห็นว่ากฎหมายเฉพาะกระทรวงพลังงานไม่มี แต่กระทรวงพาณิชย์คิดว่ามี ก็ต้องหาทางแก้ไขกฎหมายต่อไป
รมว.พลังงาน กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการลดราคาน้ำมันเบนซินกำลังดำเนินการอยู่ ปัจจุบันกำหนดค่าการตลาดไว้ที่ 2 บาทเมื่อกำหนดแล้วถ้าเขาไม่ทำตามจะทำอย่างไร ซึ่งกระทรวงพลังงานไม่มีกฎหมายที่จะไปกำกับควบคุมให้เขาดำเนินการตามนี้ เรื่องนี้เคยเกิดปัญหาโต้แย้งกันมาแล้วครั้งหนึ่งว่าเป็นอำนาจของใคร แย้งกันอยู่เช่นนี้ ดังนั้นจะปล่อยให้แย้งอยู่แบบนี้ไม่ได้ ถ้าหน่วยงานอื่นแย้งว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงพลังงาน แต่กระทรวงพลังงานดูแล้วไม่มีกฎหมายบังคับก็ต้องมีการแก้ไขกฎหมาย ความจริงเรื่องน้ำมันต้องเป็นเรื่องของพลังงานโดยตรงแต่บังเอิญไปอยู่ในสินค้าควบคุม คณะกรรมการกฤษฎีกาก็เคยถามกระทรวงพาณิชย์เหมือนกันว่าเมื่อไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้วทำไมอยู่ในสินค้าควบคุม
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแก้กฎหมายใช้เวลานานหรือไม่นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ไม่นานตนทำอะไรไม่ช้า เมื่อถามว่า ตัวเลขของผู้ให้บริการกับทางราชการคำนวณตัวเลขคนละสูตรจะทำอย่างไร นายพีระพันธุ์กล่าวว่า นี่ก็เป็นปัญหาอย่างหนึ่ง ทางกระทรวงพลังงานไม่รู้นอกจากเขาเอามาให้ดู ตนเคยหารือแล้วเขาบอกว่าเป็นความลับทางการค้า ให้ข้อมูลไม่ได้ ถ้าบอกว่าไม่ใช่ไม่จริงก็เอาหลักฐานมาแสดงจะจะปรับแก้ให้
อย่างไรก็ตาม คงต้องมีมาตรการ ออกมาไม่เช่นนั้นจะไม่มีมาตรการควบคุม เพราะเป็นสินค้าที่เกี่ยวกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจความมั่นคงของประเทศ และการดำรงชีวิตของประชาชนต้นทุนการผลิตและการใช้จ่ายในการเดินทาง เป็นสินค้าที่มีผลกระทบมาก เป็นสินค้าที่ควรอยู่ในเกณฑ์ที่กำกับดูแลได้ แต่เราต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการด้วย ผู้ประกอบการก็ต้องให้ความร่วมมือกับทางราชการ
เมื่อถามว่า การแก้กฎหมายจะออกเป็นประกาศหรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ต้องหารืออีกครั้งได้มอบหมายให้ตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปดู ตนจะพยายามทำให้เร็วที่สุด แต่จะเสร็จเมื่อไหร่ยังตอบไม่ได้ ถ้าใครไม่ทำตามมติครม.ก็ถือว่าผิดวินัยเรื่องนี้เป็นมติครม.ไปแล้ว
เมื่อถามย้ำว่า ค่าการตลาดน้ำมันทุกประเภทอยู่ที่เท่าไร รมว.พลังงาน กล่าวว่า ไม่เกิน 2 บาท เป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการต้องเอาข้อมูลมาคุย กับเราว่าต้นทุนจริงๆราคาเท่าไหร่ แต่เมื่อไม่เอาข้อมูลมาแสดง ตนจะเอาข้อมูลที่ไหน ทางกระทรวงหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงานหรือสำนักนโยบายและแผนพลังงานบอกว่าเคยคุยแล้วแต่เขาแย้งมาแบบนี้ ดังนั้น ต้องอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าที่รายงานมานี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ระหว่างที่ตรวจสอบตนก็ดำเนินการในเรื่องแก้กฎหมายไปด้วย