“ทักษิณ” กลับไทย 22 ส.ค. จับตาคำพิพากษาศาลฎีกานักการเมือง “คดีหวยบนดิน -ทุจริตปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์-แก้สัมปทานเอื้อชินคอร์ป” 3 คดี รวมจำคุก 10 ปี มีคำสั่งให้นับโทษต่อหรือไม่ หากไม่ให้นับโทษต่อ “ทักษิณ” โดนจำคุกสูงสุดแค่ 5 ปี
เมื่อวันที่ 19 ส.ค.2566 แหล่งข่าวจากผู้พิพากษาศาลยุติธรรม ให้ความเห็น ประเด็นการนับโทษของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวโพสต์โซเชี่ยลว่า พ่อจะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 22 ส.ค.นี้ ว่า ตามขั้นตอนเมื่อ”นายทักษิณ”เข้าประเทศมาจะต้องถูกควบคุมตัวตามขั้นตอนเพื่อนำตัวผู้ต้องคำพิพากษาจำคุกถึงที่สุดของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไปยังศาลนั้น เมื่อนำตัวส่งศาลแล้วศาลจะสอบถามว่าเป็นบุคคลตามหมายจับศาลในคดีนี้ใช่หรือไม่ ถ้านายทักษิณยอมรับว่าใช่ ศาลก็จะอ่านสรุปคำพิพากษาโดยย่อให้ฟังว่า คดีหวยบนดิน ศาลจำคุกกี่ปี คดีทุจริตปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์ โดนโทษจำคุกกี่ปี คดีแก้สัมปทานเอื้อชินคอร์ป โดนโทษจำคุกกี่ปี แล้วออกหมายขัง ส่งตัวเข้าไปรับโทษในเรือนจำตามคำพิพากษา
ในส่วนการนับโทษของนายทักษิณต้องไปดูคำพิพากษาแต่ละคดีว่า ศาลสั่งให้นับโทษ “ต่อจากคดีเก่า” หรือไม่ ถ้าไม่สั่งให้นับโทษต่อ ก็จะนับโทษทับกัน เช่น คดีหวยบนดิน โทษจำคุก 2 ปี ไม่ได้สั่งให้นับโทษต่อกับคดีอื่น คดีทุจริตปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์ โทษจำคุก 3 ปี ไม่ได้สั่งให้นับโทษต่อจากคดีอื่น และคดีแก้สัมปทานเอื้อชินคอร์ป โทษจำคุก 5 ปี ไม่ได้สั่งให้นับโทษต่อจากคดีอื่น เท่ากับว่า นายทักษิณ จะถูกจำคุกสูงสุดแค่ 5 ปี เพราะคำพิพากษาของศาลไม่ได้สั่งให้นับโทษต่อจากคดีอื่น แต่ถ้าสั่งนับโทษต่อ ก็จะถูกจำคุก 7 ปี หรือ 8 ปีแล้วแต่ว่าจะนับโทษต่อจากคดีไหน ถ้านับโทษต่อทุกคดีที่กล่าวมานี้คือ 10 ปี
ส่วนการลดโทษ-การขอพระราชทานอภัยโทษ จะได้ลดเป็นรายคดี ดังนั้นถ้านายทักษิณได้ลดโทษเยอะในคดีเอื้อชินคอร์ป ก็จะได้ออกจากคุกเร็วที่สุด เพราะถูกจำคุกหนักสุดคือ 5 ปี สรุปคือเท่าที่ปรากฏขณะนี้จากคำพิพากษาทั้ง 3 คดีที่ปรากฏไม่ได้ให้นับโทษต่อนายทักษิณจะโดนโทษจำคุกแค่ 5 ปี ไม่ใช่ 10 ปี
ขณะที่การอ่านคำพิพากษา หลังตำรวจนำตัวส่งศาล ศาลจะไม่อ่านซ้ำทั้งหมด แต่จะแค่อ่านย่อทวน เพราะองค์คณะผู้พิพากษา อ่านคำพิพากษาลับหลังคดีเหล่านี้โดยชอบตามพรป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 ที่แก้ไขใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว