พรรครวมไทยสร้างชาติเปิดตัวว่าที่ส.ส. 400 เขตทั่วประเทศ พร้อมประกาศแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี “ประยุทธ์”อันดับหนึ่ง “พีระพันธุ์”อันดับสองพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง “ลุงตู่”ประกาศรวมไทยสร้างชาติจะเป็นถนนสายตรงเส้นหลักไม่เป็นทางผ่านของใคร ย้ำหนักแน่นถ้าได้เป็นรัฐบาลหลังเลือกตั้งจะเป็นรัฐบาลของคนไทยทั้งประเทศ “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ Plus”
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2566 เวลา 13.00 น. ที่ฮอล์ล 5 อิมแพคเมืองทองธานี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จัดประชุมใหญ่ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 400 เขตทั่วประเทศและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค พร้อมคณะกรรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค กรรมการบริหารพรรค มาร่วมงานครบทีม ท่ามกลางกองเชียร์ของผู้สมัครและประชาชนผู้สนใจที่ให้การสนับสนุนเข้าร่วมงานกันอย่างคึกคัก
ทั้งนี้ ทันทีที่ พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมาถึงในห้องประชุมประชาชนที่มาร่วมงานได้ตะโกนเชียร์ “ลุงตู่สู้ๆ”ดังสนั่นตลอดทาง พร้อมทั้งยกป้ายไฟเชียร์สารพัดข้อความ อาทิ “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” “ลุงตู่สู้ๆ” “ลุงตู่อยู่ต่อ” เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีป้ายข้อความสารพัดนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติติดอยู่รอบห้องประชุม
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค กล่าวว่า การแถลงข่าวครั้งนี้นับเป็นครั้งใหญ่ที่สุดของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นการแถลงข่าว พร้อมกับขุนพลที่จะสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ทั้ง 400 คน ต้องบอกว่าถือเป็นการเลือกตั้งที่เหนื่อยที่สุดในชีวิตนักการเมืองของตน จากนั้น ได้ประกาศเรียกว่าที่ผู้สมัครส.ส.ทั้ง 400 เขตขึ้นโชว์ตัวบนเวที เริ่มจากภาคอีสาน ตามด้วยภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ปิดท้ายว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขต พร้อมเชิญคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด ทีมเศรษฐกิจของพรรค นำโดย ม.ล.ชโยทิต กฤดากร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และ นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ ที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจขึ้นบนเวที
นายเอกนัฏ กล่าวว่า แกนนำคนสำคัญเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการทำงานของพรรคมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง รวมถึงการสรรหาผู้สมัคร รวมทั้งยังช่วยกันสร้างนโยบายในการทำงานของพรรคจนถึงวันนี้ โดยทั้งหมดถือเป็นผู้ร่วมอุดมการณ์และมีความตั้งใจที่จะเข้ามาพัฒนาบ้านเมืองให้สู่ความเจริญในระยะยาว แต่ภารกิจสำคัญในขณะนี้คือ ความตั้งใจที่จะสร้างพรรครวมไทยสร้างชาติให้เป็นสถาบันทางการเมือง และสร้างนักการเมืองที่มีคุณภาพมาทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองต่อไป
ด้านนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมปีที่แล้วตนได้รับเกียรติจากเพื่อนๆ สมาชิก ให้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ จนกระทั่งถึงวันนี้พรรครวมไทยสร้างชาติได้รับการประกาศจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง( กกต.) ว่าเป็นพรรคแรกและพรรคเดียวที่สามารถส่งผู้สมัครได้ครบ 77 จังหวัด พรรครวมไทยสร้างชาติได้เติบโตขึ้นมาแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่หวือหวา ตนตั้งใจว่าจะทำพรรคการเมืองให้เป็นพรรคที่สามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ ที่สำคัญคือ ยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า สัปดาห์ที่แล้วตนได้มีโอกาสพูดคุยกับนพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.โรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะหลังจากที่ได้พบปะกับชาวบ้านได้เห็นปัญหาด้านสุขภาพและการดำรงชีวิตของประชาชน ตนได้บอกว่ามีความตั้งใจอยากทำงานให้กับประเทศชาติที่แท้จริง แต่หากไม่ลงมือทำก็คงไม่สามารถเป็นไปตามตั้งใจได้และในที่สุดนพ.เหรียญทองก็ตัดสินใจมาร่วมทำงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ
ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณผู้สนับสนุนในการทำงานของพรรครวมไทยสร้างชาติมาตั้งแต่ต้น การเลือกตั้งที่จะถึงนี้ไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง ส.สแต่หมายถึงการเลือกตั้งผู้นำที่จะนำพาให้ประเทศเดินหน้าต่อไป ความตั้งใจของพรรคก็คือ การนำพาประเทศให้เกิดความปรองดอง ซึ่งวันนี้พรรครวมไทยสร้างชาติทำได้ทำแล้วเป็นการรวม 3 สีเข้ามาอยู่ด้วยกันนั่นคือ สีแดง ขาว น้ำเงิน จากการที่ได้เดินทางติดตามพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โโอชา ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบปัญหาของประชาชน ได้เห็นความมุ่งมั่นที่จะทำให้ชีวิตของคนไทยดีขึ้นกว่าเดิม ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา 8 ปีในการทำงานของนายกรัฐมนตรีจะเห็นได้ว่าทุกอย่างดีขึ้นกว่าเดิมมาก ในการประชุมคณะกรรมการพรรครวมไทยสร้างชาติจึงได้มีมติให้ พล อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อนำพาประเทศชาติสู่ความเจริญต่อไป
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขึ้นกล่าวบนเวทีว่า วันนี้ได้ยินเสียงของทุกคนที่แสดงถึงความรักให้กับตน ต้องขอขอบคุณสมาชิกพรรคทุกคนที่ให้เกียรติ ขอชื่นชมว่าที่ผู้สมัครส.ส.ทั้ง 400 คน รู้สึกตื้นตันที่มีคนจำนวนมากมีผู้ร่วมงานที่เป็นพระเอกทั้งหมดอยู่ข้างกายและยังมีนางเอก หนังเรื่องนี้จะต้องมีพระเอกและนางเอกผู้ร้ายจะแพ้ไป วันนี้พรรคเราได้ผู้ร่วมอุดมการณ์ทุกภาค ขอขอบคุณที่ทุกคนตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ วันนี้รู้สึกตื่นเต้นพอสมควรที่ได้มาพบกับว่าที่ผู้สมัครส.ส.ทั้ง 400 คน มีทั้งคนที่ เป็นส.ส.บางคนก็เคยเป็น และบางคนก็เป็น ส.สรุ่นใหม่ ถ้าเปรียบกับรถยนต์ก็เหมือนรถที่มีทั้งแบบใช้น้ำมัน แบบไฮบริด และแบบรถไฟฟ้า
ทั้งนี้ เป็นการผสมผสานของคนทุกกลุ่มทุกวัยที่จะมาช่วยกันทำให้คนไทยเดินไปข้างหน้าด้วยกันนั่นคือยุทธศาสตร์ ของพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจฐานราก เศรษฐกิจขนาดย่อม ขนาดใหญ่เพราะทุกคนคือหุ้นส่วนของประเทศไทยนำความรู้ประสบการณ์ของแต่ละคนมาปรับใช้ กับสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ๆ ในโลก ที่ผ่านมาเราก็ได้ดำเนินการมาจนกระทั่งประเทศสามารถเดินหน้าไปได้จนถึงวันนี้ ใครเป็นคนทำก็อยากให้ไปลองคิดดู ก็หวังว่าทั้ง 400 คนจะร่วมทำงานไปกับตน ก่อนจะขึ้นมายังคิดเล่นๆว่าถ้าพรรครวมไทยสร้างชาติมีส.ส. 400 คนไปนั่งในสภาจะทำอย่างไร
“อาจจะเป็นคนที่พูดจาขวานผ่าซาก พูดไม่เพราะ แต่ละคนมีหัวใจคนละดวงแต่ผมก็มีหัวใจที่ใหญ่พอที่จะรักคนทั้งประเทศ ไม่ได้รักใครคนใดคนหนึ่งแต่รักคนทุกคนเท่าๆกัน ดังนั้นจึงมีหัวใจอันยิ่งใหญ่ ผมขอบอกว่าผมมีหัวใจสีม่วง ผมเคยเป็นทหารมาก่อนและทหารกองนั้นก็มีสัญลักษณ์เป็นหัวใจสีม่วง หัวใจสีม่วงคือหัวใจของคนที่ใกล้จะตาย ฉะนั้นต้องเป็นหัวใจที่ไม่พูดความเท็จ หัวใจของคนใกล้ตายพูดโกหกไม่ได้ แต่ไม่ใช่ว่าผมจะตายเลยไม่ได้แช่งตัวเอง แค่เปรียบเทียบให้ฟัง ผมพูดด้วยความจริงใจเราทั้งหมด 400 คนขอรับว่า จะดูแลคนทั้ง 70 ล้านคนไปด้วยกัน ทุกคนต่างมีเป้าหมายเดียวกันคือการรวมไทยสร้างชาติ เพราะทุกคน DNA เดียวกัน คือการตั้งใจจะทำเพื่อสังคมและส่วนรวม”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ตนไม่เคยทำตัวแบบนี้มาก่อนแต่ก็คงไม่เสียหายเพราะคือผู้ชายคนหนึ่งที่มีหัวใจ พรรครวมไทยสร้างชาติจะเป็นถนนสายตรงเส้นหลัก ไม่ได้เป็นทางผ่านของใครแต่จะเป็นพรรคหลัก แม้พรรคของเราเป็นพรรคการเมืองใหม่คนส่วนใหญ่เป็นคนใหม่ แม้ว่าตนจะเป็นคนเก่าก็ตาม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ต้องขอขอบคุณนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคที่เป็นผู้มีความสามารถ ได้ร่วมทำงานกันมานานแล้วมีความคุ้นเคย ตนไว้ใจนายพีระพันธุ์ในเรื่องของกฎหมายจนกระทั่งมีโอกาสมาทำงานด้วยกันในวันนี้ หากจะให้พูดถึงเรื่องผลงานของรัฐบาลหรือสิ่งที่ทำมามีจำนวนมาก และคงพูดไม่หมดหลายคนที่เดินทางมาที่นี่มีรถ มีถนนหนทางที่ดีก็อาจจะไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ ใช้โทรศัพท์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ทั้งหมดใครเป็นคนทำ ทั้งเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานรวมไปถึงเรื่องเศรษฐกิจอื่นๆ ที่ทำมาแล้ว ทำอยู่ อยากจะทำต่อไป และขอเพิ่มเป็น ทำแล้วทำอยู่ทำต่อ Plus เพราะทุกอย่างต้องทำเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ ดูในการทำงานตนมีทีมงานจากหลายส่วนผู้ที่อยู่เบื้องหลังจำนวนมาก และในการทำงานก็จะต้องรับฟังข้อมูลจากคณะทำงานเหล่านี้ ประเทศไทยต้องไปต่อลูกหลานต้องดียิ่งขึ้นไปกว่ารุ่นเรา แม้จะต้องใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้โลกที่มีความผันผวน แต่เราจะต้องทำอย่างไรให้สามารถพัฒนาประเทศไปได้ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ และแนวทางการสร้างพรรคการเมืองใหม่ก้าวข้ามความขัดแย้ง
“เราขัดแย้งกันไม่ได้อีกแล้วหลายสิบปีที่ผ่านมามีปัญหาอย่าลืม อย่าเป็นคนความจำสั้น วันนี้เราต้องเล่นการเมืองอย่างสร้างสรรค์ผมเป็นลูกผู้ชายพอเราจะไม่โจมตี เราจะทำของเราไม่มีการแบ่งเขาแบ่งเรา เพราะคู่แข่งเลือกตั้งก็คือคนไทย ถ้าได้เป็นรัฐบาลก็จะเป็นรัฐบาลของคนไทยทั้งประเทศ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
อย่าไรก็ตาม ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้ประกาศรายชื่อแคนดิเดตนายกฯของพรรคคนที่ 2 ได้แก่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค โดยระบุว่า เป็นคนที่ทำงานมาอย่างหนัก และขอบอกว่าจะพาคนไทยเดินไปด้วยกันก้าวข้ามความขัดแย้ง ขณะที ฝ่ายเศรษฐกิจของพรรคก็เข้มแข็งพร้อมเดินหน้าไปด้วยกัน เพื่อให้คนไทยมีความสุข และขอให้เข้าคูหากาคะแนนให้กับพรรครวมไทยสร้างชาติทั้ง 2 ใบด้วย
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้ทักทายแสดงความยินดีกับว่าที่ผู้สมัครบนเวทีพร้อมโบกมือขอบคุณผู้สนับสนุนที่มาร่วมงาน ก่อนที่จะถ่ายภาพร่วมกันเพื่เก็บเป็นความประทับใจ และงานได้สิ้นสุดลงในเวลา 14.00 น.
สำหรับ รายชื่อผู้สมัครว่าที่ ส.ส.400 เขต ที่น่าสนใจเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงเคยเป็นส.ส.และอดีตรัฐมนตรีที่หันมาลงเขตเลือกตั้ง อาทิ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชัยนาท เขต 1 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ชลบุรี เขต 1 น.ส.รังสิมา รอดรัศมี สมุทรสงคราม นพ.ปรีชา มุสิกุล กำแพงเพชร เขต 1 นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ เขต 7 นางกิ่งกาญจน์ ณ เชียงใหม่ เชียงใหม่ เขต 4 น.ส.เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ เชียงใหม่ เขต 5 นายนิโรจน์ สุนทรเลขา นครสวรรค์ เขต 6 นายไพโรจน์ ตันบรรจง พะเยา เขต 3 นายศรัณย์วุฒิ ศรัณเกตุ อุตรดิตถ์ เขต 3
นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ขอนแก่น เขต 10 นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ชัยภูมิ เขต 7 นายประนอม โพธิคำ นครราชสีมา เขต 12 นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท มหาสารคาม เขต 5 นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข เลย เขต 1 นางเปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข เลย เขต 2 นายสุพล จุลใส ชุมพร เขต 3 นายถนอมพงษ์ หลีกภัย ตรัง เขต 1 นายสมบูรณ์ อุทัยเวียงกุล ตรังเขต 4 นายสายัณห์ ยุติธรรม นครศรีธรรมราช เขต 2 นายพงสิน เสนพงศ์ นครศรีธรรมราช เขต 4 น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล นครศรีธรรมราช เขต10 เป็นต้น