เป้าหมายการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทย มีการปรับยุทธศาสตร์ ปรับมูลค่าให้สูงยิ่งขึ้น เพื่อรองรับกับยอดส่งออกอุตสาหกรรมด้านนี้ ที่จะปรับเต็มที่จนถึงปี 2027 โดยมีแนวทางที่จะปรับขึ้นไปเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยง 1 ใน 5 ของภูมิภาคเอเชียในปี 2027 ทั้งนี้โดยยึดตามสถิติการส่งออกในปี 2021 ที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงนั้นถือได้ว่าไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงอันดับที่ 9 ของเอเชีย แผนงานผลักดันอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงนี้ เป็นไปตามแผนปฏิบัติการผลักดันการส่งออก 5 ปี ที่มุ่งจะขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมด้านอื่นด้วย นับตั้งแต่ อาหารสัตว์เลี้ยง อาหารสัตว์ประเภทอื่นๆ รวมถึงสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น ยานยนต์ อะไหล่ประเภทต่าง ๆ
กระทรวงพาณิชย์ของไทย ได้เตรียมการที่จะมีกิจกรรมมากกว่า 450 งานที่จะกระตุ้นการส่งออก นับตั้งแต่การไปร่วมจัดงานการค้า หรือร่วมในงานนิทรรศการด้านต่างในประเทศต่างๆ โดยนอกจากการได้เข้าไปเจาะในตลาดโลกตะวันตกมาแล้ว เป้าหมายต่อไปคือ มุ่งเจาะเข้าไปที่ตลาดที่มีศักยภาพ อย่างเช่น ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ จีน เช่นเดียวกับ ประเทศในเอเชียอาคเนย์ ทั้ง กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม ขณะที่พยายามหาช่องทางเจาะเข้าไปในตลาดทางแถบเอเชียกลาง และประเทศกลุ่มนอร์ดิค ด้วย
สาเหตุประการสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงของไทย ก้าวมาถึงจุดนี้ได้นั้น มีปัจจัยสำคัญประกอบด้วย ต้นทุนค่าแรงงานของไทย ยังอยู่ในอัตราที่ต่ำหากนำไปเปรียบเทียบกับประเทศอื่นที่ส่งออกด้านอาหารสัตว์เลี้ยงเหมือนกัน ขณะที่ผลผลิตด้านนี้ของไทย ก็มีคุณภาพที่ดีเยี่ยม เป็นไปตามความต้องการของตลาดโลกทั้งหมด นอกจากนั้น กระบวนการการปรับพฤติกรรมของสาวกสัตว์เลี้ยงทั้งหลายที่เข้าถึงและหลงรักสัตว์เลี้ยงของตนเองมากขึ้น (Pet Humanization) อันนำพามาซึ่ง ต้องมีการคัดเลือกอาหารที่ดีเยี่ยมให้กับลูกสุดรักของตน กับกระบวนการ Pet premiumization อันทำให้มูลค่าตลาดในประเทศของไทย สมมีมูลค่าสูงถึง 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2023 ที่ผ่านมา
สำหรับประเทศที่ไทยส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงไปในปี 2022 ที่ผ่านมาคือ สหรัฐอเมริกา (30.01%) ญี่ปุ่น (14.68%) มาเลเซีย (7.7%) อิตาลี (6.66%) ออสเตรเลีย (5.90%) ซึ่งถือเป็น 90.73% ของปริมาณอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยที่ส่งไปทั่วโลก
ในส่วนของตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงของจีนนั้น ไทยมีสัดส่วนการตลาดที่เจาะเข้าไปประมาณ 2.7% โดยไทยมี สูตรส่วนผสมอาหารสัตว์เลี้ยงที่จดทะเบียนกับกรมศุลกากรของ จีน 33 สูตรด้วยกัน ขณะที่สหรัฐมีสูตรส่วนผสมในส่วนนี้ที่จดทะเบียนกับกรมศุลกากรของจีน มาถึง 88 สูตร ซึ่ง หากไทยหวังชนะสหรัฐอเมรกาในจุดนี้ คงต้องใช้ความมุ่งมั่นและความพยายามอีกมากพอสมควร