“พิพัฒน์”รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา” เตรียมชงฉีดวัคซีนป้องกัน “โควิด-19” ฟรีให้กับนักท่องเที่ยวทุกชาติที่เข้ามาไทย เพื่อต้อนรับจีนเปิดประเทศ พร้อมคาด 3 เดือนแรก คนจีนมาเที่ยวไทย 3 แสนคน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยว่า วันที่ 5 ม.ค.นี้ จะมีการจัดประชุมร่วม 3 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เพื่อหารือร่วมกันเกี่ยวกับมาตรการรองรับนักท่องเที่ยวจีนเป็นการเฉพาะ หลังจากจีนเปิดประเทศ ประกาศยกเลิกมาตรการกักตัว มีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.เป็นต้นไป โดยหนึ่งในวาระที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะเสนอต่อที่ประชุม คือการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นป้องกันโควิด-19 ฟรีแก่นักท่องเที่ยวทุกคนที่ประสงค์ขอรับวัคซีนในประเทศไทย ไม่ใช่เฉพาะแค่นักท่องเที่ยวชาวจีนเท่านั้น แต่รวมถึงจากประเทศอื่นๆ ด้วย เหมือนเมื่อครั้งที่มีการระบาดของโควิด-19 ระลอกแรกๆ คนไทยบางส่วนเดินทางไปฉีดวัคซีนที่ยุโรป และสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ จะขอหารือถึงความเป็นไปได้เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นฟรี แก่นักท่องเที่ยวจากทุกชาติที่ประสงค์ขอรับวัคซีนในไทย และต้องหารือกับเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยก่อนในเรื่องนี้ เพราะส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องคุ้ม เหมือนเป็นโปรโมชั่นดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยมากขึ้น เนื่องจากวัคซีนมีต้นทุนหลักร้อยบาทเท่านั้น เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเฉลี่ย 40,000 บาทต่อคน คิดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% อยู่ที่ประมาณ 2,800 บาทที่นักท่องเที่ยวจ่ายให้ภาครัฐ ก็คุ้มค่ากับราคาวัคซีนหลักร้อยบาทแล้ว โดยควรจะมีการของบกลางจากรัฐบาล ให้ สธ.ซื้อวัคซีนเพิ่มมาฉีดให้นักท่องเที่ยว ถ้าเราต้องการดึงพวกเขาเข้ามาจับจ่ายในประเทศไทยมากขึ้น
รวมทั้ง จะหารือร่วมกับ สธ.ด้วย ว่ามีวัคซีนเหลือมากน้อยแค่ไหน เพราะจะขอให้เร่งนำวัคซีนส่วนที่เหลือมาเร่งฉีดเข็มกระตุ้นแก่คนไทยที่เป็นพนักงาน หรือเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและใกล้ชิดนักท่องเที่ยว พร้อมเร่งประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มพนักงานด้านท่องเที่ยวออกมาฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นกันถ้วนหน้า และขอความร่วมมือให้พนักงานฯยังสวมใส่หน้ากากอนามัยอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวจีน เชื่อว่าน่าจะยังใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันอยู่แล้ว
“ข้อเสนอดังกล่าวของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ อยู่ภายใต้มุมมองที่ว่า ในเมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวบ้านเรา เราต้องดูแลเขา ในฐานะที่ประเทศไทยติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศที่มีระบบสาธารณสุขดีที่สุดของโลก”
สำหรับความคืบหน้าเรื่องการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวประเทศไทยจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ค่าเหยียบแผ่นดิน” ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยืนยันเดินหน้าจัดเก็บ โดยในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) วันที่ 24 ม.ค.2566 จะเสนอผลสรุปการศึกษาการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวฯทางบก หลังต้องไปศึกษาเพิ่มเติมเพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเดินทางข้ามชายแดน เมื่อได้รับการเห็นชอบจาก ท.ท.ช. จะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวฯ ในเดือน ก.พ.2566 หาก ครม.อนุมัติ คาดมีผลเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่เดือน มิ.ย.2566 เป็นต้นไป
ทางด้าน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เผยภายหลังหารือภาคเอกชนท่องเที่ยวว่า ผลการหารือกับภาคเอกชน คาดการณ์จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2566 ราว 300,000 คน เปรียบเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทยทั้งปีในปี 2565 ที่มีประมาณ 274,000 คน โดยจะเริ่มออกเดินทางหลัง 15 ม.ค. ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเอง และด้วยข้อจำกัดของเที่ยวบินระหว่างกัน และจะมีจำนวนหนึ่งที่เดินทางเข้ามาผ่านด้านทางบก เช่น เชียงแสน, หนองคาย โดยมากับรถไฟความเร็วสูง ซึ่งการเดินทางเข้าประเทศ ควรใช้แนวปฏิบัติเหมือนการนักท่องเที่ยวต่างชาติอื่นๆ โดยไม่เลือกปฏิบัติ แต่อยู่บนพื้นฐานความปลอดภัยของประเทศและคนไทย ไม่เสี่ยงต่อการกลับไประบาดซ้ำ
อย่างไรก็ตาม สำหรับการเตรียมความพร้อมในการรับนักท่องเที่ยวที่จำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยเน้นมาตรการป้องกันตัวเอง โดยจะแนะนำให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้น และนำมาตรการ SHA กลับมาใช้อย่างเข้มข้น นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพการให้บริการ ทั้ง Ground Handling จำนวนเที่ยวบิน มัคคุเทศก์ ให้เพียงพอกับจำนวนความต้องการเดินทางที่เพิ่มมากขึ้น.