Friday, 27 December 2024 - 12 : 14 pm
kanda_002
OIC_001
data-no-lazy="1"
kanda_002
OIC_001

‘จุรินทร์’ สั่งทูตพาณิชย์ทั่วโลกปั๊มตัวเลขส่งออกเพิ่มอีก 2 หมื่นล้านบาท-ลุยเจาะเมืองรอง 36 ประเทศ

‘จุรินทร์’ ถกทูตพาณิชย์ทั่วโลก สั่งปั๊มตัวเลขส่งออกเพิ่มอีก 2 หมื่นล้านบาท อัด 345 กิจกรรมการตลาด พร้อมลุยเจาะเมืองรอง 36 ประเทศ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมสรุปแผนผลักดันการส่งออกเชิงรุกและเชิงลึก ครึ่งปีหลัง 2565 ร่วมกับ 58 สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) (ทูตพาณิชย์) จาก 42 ประเทศทั่วโลก และตัวแทนจากภาคเอกชนส่งออก ว่า เป็นการหารือปรับแผนเพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกในช่วง 6 เดือนหลัง ภายใต้ปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน การแพร่ระบาดโควิด-19 และปัญหาจีนกับไต้หวัน

“มอบให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลกจัดทำแผนทั้งเชิงรุกและเชิงลึก โดยจะมีการเพิ่มกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกอีก 345 กิจกรรม คาดว่าจะทำให้มูลค่าการส่งออกในช่วง 6 เดือนที่เหลือ เพิ่มขึ้นอีก 2 หมื่นล้านบาท หรือ 570 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะทำให้เป้าการส่งออกทั้งปีปรับเพิ่มเป็น 9.02 ล้านล้านบาท โดยจะยังคงเป้าหมายการเติบโตของการส่งออกไว้ที่ 4% ตามเดิม”

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

สำหรับ 345 กิจกรรมอาทิ เร่งรัด Mini-FTA อาทิ ตอนเหนือไนจีเรีย โมซัมบิก กานซู่ ไห่หนาน, ส่งเสริมการค้าระบบออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มชั้นนำของแต่ละประเทศ อาทิ amazon, จับคู่เจรจาธุรกิจ, ส่งเสริมซอฟพาวเวอร์ สินค้าอาหารและบริการของไทย, รักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่

รวมทั้งการเจาะตลาดเมืองรอง 36 ประเทศ 105 เมือง คือ 1. ตะวันออกกลางและแอฟริกา 10 เมือง 2. อเมริกาเหนือและลาตินอเมริกา 15 เมือง 3. ยุโรป 9 เมือง 4. จีน และฮ่องกง 14 เมือง 5. เอเชียตะวันออกและโอเชียเนีย 40 เมือง 6. อาเซียน 9 เมือง และ 7. เอเชียใต้ 8 เมือง อาทิ แทนซาเนีย คองโก เทกซัส ควิเบก สาธารณรัฐโดมินิกัน สาธารณรัฐเชก ฮาบิน มาเก๊า ไฮเดอราบัด และเซบู เป็นต้น

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า ผู้ประกอบการส่งออกมีความมั่นใจมากขึ้นหลังจากระทรวงพาณิชย์ สั่งเพิ่มกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะช่วยทำให้การส่งออกของไทยเติบโตได้ 8% แน่นอน โดยหลังจากนี้ภาคเอกชนจะเข้าร่วมกิจกรรมกับกระทรวงพาณิชย์ เชื่อว่าจะสามารถเพิ่มมูลค่าการส่งออกได้ 2 หมื่นล้านบาทตามเป้าหมายได้แน่นอน เนื่องจากตามแผนใหม่จะมีการรุกตลาดการส่งออกใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง แอฟริกา รวมทั้งตลาดอินเดีย มีแนวโน้มขยายตัวสูง

นอกจากนี้ ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่าลงอีก หากเฟดมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย คาดว่าจะอยู่ระหว่าง 35-36.5 บาท/เหรียญสหรัฐ ขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลง คาดว่าจะอยู่ระหว่าง 85-95 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังจากสหรัฐ เพิ่มปริมาณสต๊อกน้ำมัน ส่วนค่าระวางเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศยังปรับลดลง 30-40% โดยมีแนวโน้มลดลงจนถึงต้นปี 2566 จากปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก สำหรับสินค้าส่งออกสำคัญที่สามารถสร้างรายได้เพิ่มในช่วงครึ่งปีหลัง อาทิ สินค้ากลุ่มอาหารซึ่งจะเป็นเรือธงของไทย สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการส่งออกไทยช่วงที่เหลือยังคงมีปัจจัยเสี่ยง โดยจะต้องจับตาอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจของจีน และสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของไทย รวมทั้งตลาดยุโรปมีแนวโน้มหดตัวและจะชะลอตัวชัดเจนในช่วงไตรมาสที่ 4 ปีนี้

© 2021 thairemark.com