‘กอบศักดิ์’ คาด เศรษฐกิจโลก ไทยเผชิญภาวะวิกฤตซ้อนวิกฤตยาว 2 ปี กนง. จ่อขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ 0.75% สกัดเงินเฟ้อ มองราคาน้ำมันปรับตัวปั่นป่วนตลาดเงินและทุนทั่วโลก
เมื่อวันที่ 24 ก.ค.2565 นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวในหัวข้อ “Economic Turbulence 2022 เศรษฐกิจ วิกฤตซ้อนวิกฤตต้องรับมืออย่างไร” ระหว่างการอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจระดับสูง (พศส.) ปี 2565 Next chapter for wealth : เปิดโลกสร้างความมั่งคั่งสู่ความมั่นคง จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงเทพ และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า วิกฤตเศรษฐกิจในระดับโลกที่เกิดขึ้น จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างชัดเจนในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่จะชะลอตัวลงจากเดิมที่เคยขยายตัวได้ในระดับ 20% ในปี 2564 ซึ่งแต่ละประเทศต้องเตรียมการรับมือ ได้แก่ วิกฤตความขัดแย้งระหว่างประเทศ วิกฤตราคาพลังงานและอาหารโลก ความปั่นป่วนของตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลก
นายกอบศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน การเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อต้อสู้กับเงินเฟ้อส่งผลให้ธนาคารกลางหลายประเทศต้องขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น จนเป็นความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ตามมา ทั้งในสหรัฐและประเทศอื่น รวมถึงความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤตในประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) และปัญหาของเศรษฐกิจจีนที่มีสัญญาณการชะลอตัว
“คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีการทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% เป็นจำนวน 3 ครั้ง รวมจะปรับขึ้น 0.75% ภายในปีนี้ ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะปรับเพิ่มขึ้นจาก 0.5% เป็น 1.25% เพื่อช่วยแก้ปัญหาเงินเฟ้อ และช่วยชะลอการลดลงของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่ลดลงจากระดับ 2.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มาสู่ระดับ 2.15 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือลดลงประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาทในช่วงที่ผ่านมา ส่วนราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มที่จะลดลงมาอยู่ในระดับ 90-100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากระดับสูงสุดที่เคยขึ้นไปถึง 130-140 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล” นายกอบศักดิ์ กล่าว