ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย สบส. แจ้งความดำเนินคดีอาจารย์เอกฝ่ามือพลังจิต 3 ข้อหา หลังพบไม่มีใบอนุญาตเปิดสถานพยาบาล และใบอนุญาตประกอบวิชาชีพหมอ พร้อมปรึกษาข้อกฎหมายกรณีมีดารานักแสดง ถ่ายคลิปโฆษณาเชิญชวนให้ไปรักษากับอาจารย์เอก หากพบเข้าข่ายผิดกฎหมายเตรียมแจ้งความเพิ่ม
นายชาตรี พินใย ผู้อำนวยการกองกฎหมายกรมสนับสนุนบริการสุขภาพเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ต่อ พ.ต.อ.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. เพื่อดำเนินคดีกับอาจารย์เอก พลังจิต หรือ นายกีรติ สมคิด อายุ 53 ปี ที่ชั้น 12 อาคารพิทักษ์สันติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
นายชาตรี กล่าวว่า ได้รับมอบหมายวันนี้เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีอาจารย์เอกฝ่ามือพลังจิตใน 3 ข้อหา ทั้ง ประกอบสถานบริการสุขภาพโดยไม่รับอนุญาตหรือเปิดคลินิกเถื่อน ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือหมอเถื่อน และประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต
สืบเนื่องจากการที่อาจารย์เอกได้มีการโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดียว่าสามารถรักษาโรคต่าง ๆ ทั้งไมเกรนและตาบอดได้ ทั้งที่โรคเหล่านี้ต้องรักษาโดยแพทย์แผนปัจจุบันเท่านั้น ซึ่งพฤติการณ์จากในคลิป พบการรักษาโดยใช้เท้าใช้ฝ่ามือ ซึ่งตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม และ พ.ร.บ.วิชาชีพแพทย์แผนไทย ถือว่าเข้าข่ายเจตนามุ่งหมายที่จะตรวจโรควินิจฉัย จึงถือว่าเข้าองค์ประกอบความผิดแล้ว และสถานประกอบการของอาจารย์เอกก็เข้าข่ายไม่ได้รับอนุญาตจดทะเบียนให้ดำเนินกิจการสถานพยาบาลตามกฎหมาย จึงเข้าข่ายความผิดเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้แม้จะยังไม่พบว่ามีการร้องเรียนมา โดยตรงจากทางผู้ป่วยที่มาเข้ารับการรักษา แต่เนื่องจากในเบื้องต้นตรวจสอบก็พบว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายเปิดการรักษาด้วยการโฆษณา เหมือนเป็นการใช้โอกาสทางผ่านโซเชียลเพื่อเอาเปรียบ หลอกลวงประชาชนซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เป็นลักษณะการขายข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เพราะฉะนั้นเป็นความเสียหายต่อภาครัฐ เป็นผู้เสียหายโดยตรง สามารถแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษได้ ไม่จำเป็นต้องมีตัวบุคคลเป็นผู้เสียหาย ซึ่งตรงส่วนนี้จะให้ทาง กองกำกับการ 4 บก.ปคบ. จะเป็นหน่วยงานดำเนินการต่อไป
นายชาตรี ยังกล่าวอีกว่า กลุ่มกระบวนการลักษณะนี้มักอาศัยช่องว่างอาศัยโอกาสการเข้าไม่ถึงการรักษาพยาบาลฉวยโอกาส แสวงหาผลประโยชน์ จึงอยากใช้กรณีดังกล่าวนี้ ฝากเตือนประชาชนว่าให้เข้ารับการรักษาตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข ในส่วนการเข้าถึงการรักษาของประชาชนนั้นประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงระบบการรักษาต่างๆตามท้องที่ที่พักอาศัย ทั้งโรงพยาบาลประจำตำบล และชุมชนทั่วประเทศได้
ส่วนกรณีที่มีดาราหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงมาโฆษณาชวนเชื่อให้กับอาจารย์เอกนั้น นายชาตรีระบุว่า เรื่องนี้อาจจะเข้าข่ายความผิดข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ แต่จะต้องดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและปรึกษากับพนักงานสอบสวนโดยละเอียดอีกครั้ง
ด้าน พ.ต.อ.วิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้จะดำเนินการรวบรวมเป็นหลักฐานและสอบรายละเอียดจากนายชาตรี รวมทั้งนำข้อมูลจากการตรวจค้นของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เพื่อเป็นหลักฐานประกอบในการแจ้งข้อกล่าวหา ก่อนจะเรียกให้ผู้ทำความผิดมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป
ส่วนที่ สสจ. ลงพื้นที่ในอำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานีที่พบว่าเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของอาจารย์เอกฝ่ามือพลังจิต นั้นปรากฏว่าไม่พบบุคคลใดอยู่สถานที่แห่งนั้น และพบว่าที่สำนักงานดังกล่าวปิดทำการ
