ตำรวจไซเบอร์ สนธิกำลังร่วมกับ ปปง.ปิดล้อมตรวจค้น 7 จุดใน จ.อุดรธานีและ กทม. ยึดทรัพย์เครือข่ายฟอกเงินเชื่อมโยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์กว่า 100 ล้านบาท อ้างตัวเป็นพนักงานส่งพัสดุโทร.หาเหยื่อมีของผิดกฎหมายต้องส่งบัญชีธนาคารตรวจสอบเพื่อแสดงความบริสุทธิ์มีผู้เสียหาย 166 ราย ความเสียหายกว่า 90 ล้านบาท เร่งขยายผลทลายเครือข่ายตุ๋น
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.หรือตำรวจไซเบอร์) พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรืองรอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4 พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี และนายสมชาย พลายด้วง ผอ.กองคดี 5 สำนักงานป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นำกำลังปิดล้อมตรวจค้น 7 จุดในพื้นที่ จ.อุดรธานี 6 จุด และ กทม. 1 จุด เปิดปฏิบัติการตรวจค้นยึดทรัพย์ส่ง ปปง. ผู้ที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนในการกระทำผิด กรณีขบวนการคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทขนส่งหลอกผู้เสียหายให้โอนเงิน
จุดที่น่าสนใจนำหมายค้นของศาลอาญาที่ 846/2566 ลงวันที่ 19 ก.ค. ตรวจค้นบริษัทพีระวัฒน์ เจริญพืชผล เลขที่ 209/27 หมู่ 9 ซอยบ้านหนองเหล็ก ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี เปิดรับซื้อพืชผลทางการเกษตรตั้งแต่ปี 2564 มี น.ส.วรัญญา พันแสน เป็นผู้ดูแล จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ตรวจยึดรถปอร์เช่ คาเยนน์ 1 คัน มูลค่ากว่า 7 ล้านบาท รถ จยย. LAMBRETTA รุ่น X300 สีเขียว มูลค่า 1.5 แสนบาท เงิน 439,000 บาท เงินสกุลลาว 530,000 กีบ นาฬิกาโรเล็กซ์ รุ่น SUBMARINER สีเขียวมูลค่า 3.2 แสนบาท นาฬิกายี่ห้อ FRANCK MULLER รุ่น YACHTING สีน้ำเงินมูลค่า 3 แสนบาท และกระเป๋าแบรนด์เนมจำนวนมาก นอกจากนี้ยังตรวจยึดกระเป๋าแบรนด์เนม โฉนดที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ในจุดอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท.กล่าวว่า สืบเนื่องจากมีประชาชนกลุ่มผู้เสียหายยื่นร้องเรียน และขอความช่วยเหลือไปยัง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้รับความเสียหายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างเป็นพนักงานบริษัทขนส่งสินค้าโทร.หาผู้เสียหายแจ้งว่ามีพัสดุผิดกฎหมาย จากนั้นคนร้ายอีกคนอ้างเป็นตำรวจแจ้งว่าผู้เสียหายจะมีส่วนร่วมในการกระทำความผิด หากไม่เกี่ยวข้องให้ผู้เสียหายโอนเงินในบัญชีธนาคารทุกบัญชีมาตรวจสอบ ผู้เสียหายหลงเชื่อ 166 ราย ความเสียหายกว่า 90 ล้านบาท เกิดเหตุต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 จนถึงปัจจุบันหลายท้องที่ทั่วประเทศ
พล.ต.ท.วรวัฒน์กล่าวอีกว่า แนวทางการสืบสวนพบมีกลุ่มบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องทางการเงินจากบุคคลที่ได้รับจ้างเปิดบัญชีม้าให้กลุ่มขบวนการมิจฉาชีพนำไปใช้ก่อเหตุ จับกุม น.ส.เดือนนภา แก้วกำเนิด อายุ 21 ปี รับจ้างเปิดบัญชีม้า แจ้งข้อหาฉ้อโกง และสนับสนุนการกระทำความผิดในความผิดฐานฟอกเงินไปก่อนหน้านี้แล้ว จากการขยายผลเส้นทางทางการเงินพบความเชื่อมโยงไปยังบุคคลต่างๆ อีกหลายราย ทั้งในส่วนของบุคคลผู้ทำหน้าที่ตระเวนกดเงิน รับผลประโยชน์จากบัญชีผู้ต้องหา อีกทั้งพบพยานหลักฐานและพฤติการณ์ของกลุ่มที่เป็นนายหน้าจ้างให้เปิดบัญชีเพื่อนำมาใช้ปกปิด อำพรางธุรกรรมทางการเงินและทรัพย์สิน เมื่อตรวจสอบทรัพย์สินของบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมยังพบว่ามีอยู่ในครอบครองอีกหลายรายการ อันน่าเชื่อว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ขออนุมัติหมายค้นจากศาลอาญาเข้าทำการตรวจค้น 7 จุด
“ขั้นตอนจากนี้จะนำของกลางทั้งหมดส่งให้เจ้าหน้าที่สำนักงาน ปปง.เป็นผู้ดำเนินการ จะให้เจ้าของทรัพย์สินนำเอกสารหลักฐานมาชี้แจงถึงที่มาที่ไปของการได้มาซึ่งทรัพย์สิน หากพบว่าไม่สามารถจะชี้แจงเข้าข่ายในส่วนของความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน หรือร่วมกันสนับสนุนฟอกเงิน นอกจากนี้ตำรวจจะขยายผลหาความเชื่อมโยงของขบวนการนี้ต่อไป” พล.ต.ท.วรวัฒน์กล่าว