Friday, 19 April 2024 - 8 : 23 pm
kanda_002
OIC_001
data-no-lazy="1"
kanda_002
OIC_001

“บิ๊กโจ๊ก”ลุยจับกลุ่มทุนจีน กว้านซื้อที่ดิน สร้างบ้านจัดสรรมูลค่าหลักพันล้าน-รวบนอมินีคนไทย

เชียงใหม่ -“บิ๊กโจ๊ก” ลุยจับทุนจีน กว้านซื้อที่ดิน สร้างบ้านจัดสรร มูลค่าหลักพันล้าน ตรวจสอบพบมีคนไทยเป็นนอมินีถือหุ้นแทน ล่าสุด ดำเนินคดีแล้ว 1 แห่ง จับกุมผู้ต้องหา 5 คน เตรียมขยายผลอีก 3 แห่ง ยึดทรัพย์สินรวมทั้งดำเนินคดีฐานฟอกเงินกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.บินด่วนขึ้นจังหวัดเชียงใหม่ แถลงจับกุมนอมินีคนไทย ประกอบกิจการบ้านจัดสรรในอำเภอสันกำแพง โดยเป็นโครงการประเภท บ้านเดี่ยวและวิลล่า ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.สันกลาง อ.สันกำแพง มีทั้งหมด 195 ยูนิต รองรับกลุ่มคนจีนโดยเฉพาะ ราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ถึงกว่า 11 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ได้เรียก สำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ พาณิชย์เชียงใหม่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงใหม่ และฝ่ายปกครอง ประชุมเกี่ยวกับเรื่อง ทุนจีน กว้านซื้อที่ดินในอำเภอหางดง อำเภอสันทรายและ อำเภอสันกำแพง เพื่อสร้างบ้านจัดสรร เปิดร้านขายของ และเปิดบริษัท ตลอดไปจนถึงซื้อโรงเรียนเพื่อให้คนจีนมาศึกษาต่อ โดยมีคนไทยเป็นนอมินี

ล่าสุด ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ติดตามจับกุมผู้ต้องหาจํานวน 5 ราย คือ 1.บริษัทฟ้าหลวงการเกษตร จํากัด แจ้งข้อกล่าวหา Mrs.Qingfang Li (นางชิ่งฟาง หลี่) ข้อหา เป็นคนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต

2.Mrs.Qingfang Li (นางชิ่งฟางหลี่) สัญชาติจีน เป็นผู้ที่ใช้ชื่อนางปาริชาติ ถือหุ้น แทนตนและเป็นกรรมการนอมินี ข้อหา เป็นคนต่างด้าว ยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคล ที่มิใช่คนต่างด้าว ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และเป็นกรรมการ หุ้นส่วน หรือผู้มีอํานาจกระทําการแทนนิติบุคคล ซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทําความผิดนั้นหรือมิได้จัดการตามสมควร เพื่อป้องกันมิให้เกิดความผิดนั้น และร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทําการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สําหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดย ประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่ง อาจทําให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย

3.นางปาริชาติ ฟูอนันต์ อายุ 64 ปี ชาวอำเภอเมืองเชียงใหม่ เป็นผู้ที่ถูก Mrs.Qingfang Li (นางชิ่งฟาง หลี่) ใช้ชื่อถือหุ้น แทนตนและเป็นกรรมการนอมินี ข้อหา “เป็นผู้ช่วยเหลือ หรือสนับสนุน ให้คนต่างด้าวประกอบ ธุรกิจเกี่ยวกับการค้าขายอสังหาริมทรัพย์โดยการถือหุ้นแทนคนต่างด้าว เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบ ธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ซึ่งการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการค้าขาย อสังหาริมทรัพย์นี้เป็นธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการด้วยเหตุผลพิเศษ ตามบัญชีท้าย บัญชีหนึ่ง ลําดับที่ 9 การค้าที่ดิน, เป็นกรรมการ หุ้นส่วน หรือผู้มีอํานาจกระทําการแทนนิติบุคคล ซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทําความผิดนั้นหรือมิได้จัดการตามสมควรเพื่อป้องกันมิให้เกิดความผิดนั้น และ ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทําการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือ เอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สําหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทําให้ผู้อื่นหรือประชาชน เสียหาย”

4.นายมานัส มาสกุล อายุ 60 ปี ชาวอำเภอเมือง เชียงใหม่ เป็นนอมินี ข้อหา “เป็นผู้ช่วยเหลือ หรือ สนับสนุน ให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการค้าขายอสังหาริมทรัพย์ โดยการถือหุ้นแทนคนต่างด้าว เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ซึ่งการประกอบ ธุรกิจเกี่ยวกับการค้าขายอสังหาริมทรัพย์นี้เป็นธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการด้วย เหตุผลพิเศษ ตามบัญชีท้าย บัญชีหนึ่ง ลําดับที่ 9 การค้าที่ดิน”

5.นายสัญชัย แซ่จาง ชาวอำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เป็นนอมินี ในข้อหา “เป็นกรรมการ หุ้นส่วน หรือผู้มีอํานาจกระทําการ แทนนิติบุคคลซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทําความผิดนั้นหรือมิได้จัดการตามสมควรเพื่อป้องกันมิให้เกิด ความผิดนั้น”

ส่วน คนจีนอีก 2 ราย หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ ส่วนคนไทย 1 ราย อยู่ระหว่างเร่งติดตามจับกุม

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า สำหรับการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากได้มีการแจ้งเบาะแส ว่ามีกลุ่มทุนจีนได้เข้ามากว้านซื้อหมู่บ้านในจังหวัดเชียงใหม่ในอำเภอสันกำแพง อำเภอเมือง และอำเภอสันทราย แบบไม่ถูกต้องโดยใช้คนไทยเป็นนอมินีเป็นเจ้าของโครงการแทน จึงได้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเรื่องนี้โดยเฉพาะ

เคสนี้นั้น ผู้ถือหุ้นปีที่ผ่านมานั้นเสียภาษีแค่ 30,000 กว่าบาท แต่ปีนี้มาเป็นเจ้าของหมู่บ้านจัดสรรหรู สองร้อยกว่าล้านบาท โดยรูปแบบลักษณะนี้เริ่มเกิดขึ้นมากที่จังหวัดเชียงใหม่ เพราะจังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้ประเทศจีนและคนจีนชอบเดินทางมาเที่ยว ดังนั้นการที่จะซื้อพื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อจะสร้างเป็นมหาวิทยาลัย ซื้อโครงการ ซื้อหมู่บ้านขนาดใหญ่เพื่อรองรับคนจีน โดยเข้ามาถือครองที่ดินเหล่านี้แล้วสร้างมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อจะวางแผนเข้ามาถือครองกิจการต่างๆ ในประเทศไทย โดยการใช้นิติกรรมอำพราง ซึ่งถ้าหากปล่อยเป็นแบบนี้ต่อไปชาวเชียงใหม่ก็จะไม่มีพื้นที่ที่ดินจริงๆ

จากการสืบสวนเราพบว่ามีกลุ่มทุนจีนมากว้านซื้อที่บ้านจัดสรรประมาณ 4-5 โครงการ โดยวันนี้ที่จับกุมนั้นเป็นโครงการฟ้าหลวงการเกษตรจำกัด ซึ่งก่อนหน้านี้มีคนไทยถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ ต่อมามีคนจีนมาซื้อหุ้นไป 75 เปอร์เซ็นต์ เมื่อคนจีนซื้อไปก็ให้นอมีนีคนไทยเป็นผู้ถือหุ้นแทน พร้อมทั้งให้คนจีนอีกส่วนหนึ่งถือหุ้นในสัดส่วนที่ไม่เกินกว่ากฎหมายกำหนด โดยเจ้าของหุ้นเดิมก็ยังถือหุ้นอยู่ 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตำรวจได้เข้าจับกุมและดำเนินคดีแล้วส่วนคนไทยที่เป็นเจ้าของหมู่บ้านเดิมนั้นก็จะมีความผิดตามไปด้วยว่ามีการทำนิติกรรมอำพราง

โดยในกระบวนการทั้งหมดเราได้ดำเนินการไปหมดแล้วส่วนอีกส่วนที่ทางตำรวจจะทำต่อ คือการตรวจสอบทรัพย์สินเพื่อดำเนินการยึดทรัพย์ทั้งหมด ในความผิดฐานฟอกเงิน และจะมีการตรวจสอบเรื่องของภาษีอากร ถ้าหากพบมีความผิดก็จะดำเนินคดีข้อหาเลี่ยงภาษีอากรอีกข้อหาหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีการตำรวจพบหมู่บ้านจัดสรรหรูอีก 3 โครงการซึ่งเป็นโครงการใหญ่ โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นการทำนิติกรรมอำพรางลักษณะเช่ายาว เช่นการเช่า 30 ปี แต่จะมีสัญญาหลายฉบับๆ ละไม่เกิน 3 ปีเพื่อหลีกเลี่ยงการที่ต้องไปจดทะเบียนกับเจ้าพนักงาน ซึ่งขณะนี้ตำรวจกำลังเร่งดำเนินการ

ในส่วนของทุนจีนที่เข้ามาอยู่ในไทยโดยการใช้วีซ่าผู้สูงอายุนั้นก็จะมีการตรวจสอบว่าการขอวีซ่าประเภทนี้นั้นมาขอโดยถูกต้องหรือไม่ เดินทางมาเองหรือไม่ ซึ่งการขอวีซ่าผู้สูงอายุนั้นหลักเกณฑ์ คือต้องมีเงินอยู่ในบัญชี 800,000 บาทก็ต้องมาดูต่อ มีเงินในบัญชี 800,000 หรือไม่ มีการทำธุรกิจอะไร มีทรัพย์สินมีเงินในบัญชีเพียงพอหรือไม่ ไม่ใช่ไปใช้นอมินีโอนเงินเข้ามาในบัญชี เพื่อให้วีซ่าผ่านแล้วอีกสองวันโอนออกไปซึ่งถ้าหากมีการตรวจพบการกระทำลักษณะเช่นนี้ก็จะมีการดำเนินคดีกับ ตม.จังหวัดเชียงใหม่ด้วย แต่ไม่พบก็ไม่เป็นไรเราก็จะให้ความเป็นธรรม

ส่วนผู้ต้องหาชาวจีนที่หลบหนีออกนอกประเทศไป 2 รายนั้น ทางตำรวจก็จะประสานไปยังสถานกงทูตจีนให้มีการออกหมายแดงต่อไป

© 2021 thairemark.com