ผบ.ตร.สั่งสืบนครบาลรวบตั้ม เทียนทะเลแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลวงให้รักแล้วหลอกร่วมลงทุน Forex ผ่านแอปหาคู่ โดยตำรวจเข้าจับกุมตัวได้ที่บริเวณกลางซอยรามคำแหง 54 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 วิเคราะห์ข่าวฯบก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายวิทวัฒน์ ฉัตรชฏานุกูล อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 ซอยเทียนทะเล 7 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน จังหวัดกรุงเทพมหานคร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสระแก้ว ที่ จ.87/2565 ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ , มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ” โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณกลางซอยรามคำแหง 54 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
กล่าวคือ ช่วงเดือน มกราคม 2565 ชุดปฏิบัติการ PCT 5 ได้รับการประสานและช่วยเหลือผู้เสียหาย(ขอสงวนนาม) ว่าถูกหลอกไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา โดยได้รับการติดต่อให้ไปทำงานเป็นพนักงานบ่อนคาสิโน ในประเทศกัมพูชา จะได้รับเงินเดือน เดือนละ 20,000 บาท เข้าประเทศกัมพูชาผ่านช่องทางธรรมชาติจากนั้นจะมีรถมารับ แต่เมื่อไปถึงแล้วกลับไม่เป็นไปตามข้อตกลง มิหนำซ้ำให้ไปทำงานร่วมขบวนการหลอกลวงคอลเซ็นเตอร์โดยมีคนจีนเป็นหัวหน้าขบวนการ โดยให้ตนใช้แอปพลิเคชั่นทินเดอร์ และลาซาด้า แสดงตนเป็นผู้หญิงเพื่อหลอกลวงคนไทยด้วยกัน
จากนั้นเมื่อติดต่อกับเหยื่อที่เป็นคนไทยได้สักพักก็จะแนะนำให้ร่วมลงทุน โดยที่ตนไม่สมัครใจ และไม่อยากทำ และตนเองต้องการจะกลับบ้านที่ประเทศไทย แต่ไม่สามารถกลับได้เนื่องจากหัวหน้าที่เป็นคนไทยชื่อนาย ปอ หนวดงาม หรือ นายสุคนธนารักษ์ นาคจันทร์ บอกว่าถ้าจะกลับประเทศไทยได้ต้องหาเงินมาไถ่ตัว จำนวน 100,000 บาทผู้เสียหายไม่มีเงินจึงได้ติดต่อขอความช่วยเหลือจาก พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ที่ 5 กับพวกจึงได้รายงานให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ทราบพร้อมประสานทางการประเทศกัมพูชาช่วยเหลือผู้เสียหายออกมาจากสถานที่ดังกล่าวได้ ต่อมาเมื่อผู้เสียหายได้เดินทางกลับมาถึงประเทศไทย ชุดสืบสวนจึงได้ร่วมกันสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบจนสามารถเสนอพยานหลักฐานต่อศาลเพื่อพิจารณาออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้ทั้งหมด 26 ราย
หนึ่งในนั้น คือ นายวิทวัฒน์ ฉัตรชฏานุกูล อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสระแก้ว ที่ จ.87/2565 ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ , มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ” โดยการสืบสวนมีพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงถึง/พิสูจน์ทราบได้ว่านานยวิทวัฒน์ ทำหน้าที่เป็นพนักงานในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์คอยทำหน้าที่หลอกเหยื่อ ตลอดจนเมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินชุดสืบสวนสามารถพิสูจน์ทราบได้ว่านายวิทวัฒน์ ได้รับเงินค่าจ้างการทำงานจากตัวการที่กระทำความผิดในขบวนการ
ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การว่าเดิมทีตนทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และ การ์ดพาร์ทไทม์ ตามบริษัท และตามสถานบันเทิงต่างๆ แต่เงินเดือนไม่พอใช้จ่าย ต่อมามีคนรู้จัก ชื่อ บังมัท ชื่อไลน์ว่า “มาดาระ” มีหน้าที่จัดหางานต่างๆ ได้แนะนำให้ทราบว่ามีงานเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านรายได้ดีให้ทำ หากสนใจจะแนะนำให้รู้จักคนที่จะพาไปทำ โดยบังมัทได้ให้ผู้ต้องหาแอดไลน์บุคคลชื่อต้าร์ เพื่อติดต่อ หลังจากผู้ต้องหาติดต่อพูดคุยรายละเอียดเกี่ยวกับงานดังกล่าวกับคนชื่อต้าร์แล้ว คนชื่อต้าร์แจ้งรายละเอียดว่าขณะนั้นมีงานเป็นแอดมินเว็บพนันอยู่ที่ฝั่งกัมพูชา ทำหน้าที่คอย ถาม-ตอบ รับฝาก-ถอนเงิน ได้รับค่าจ้างเดือนละประมาณ 24,000 บาท มีที่พักและอาหารให้ฟรี ผู้ต้องหาจึงเกิดความสนใจและตกลงที่จะไปทำงานดังกล่าว
โดยผู้ชายชื่อต้าร์ได้แนะนำและให้เบอร์โทรศัพท์ผู้หญิงชื่อนุช เพื่อนัดวัน/เวลาที่จะเดินทางไปทำงานที่ประเทศกัมพูชา ต่อมาเมื่อช่วงประมาณวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 ผู้หญิงชื่อนุช ได้นัดหมายให้ผู้ต้องหา และคนอื่นๆ ที่จะไปทำงานดังกล่าว รวมทั้งหมด 7 คน เพื่อเดินทางไปทำงาน โดยนัดหมายที่บริเวณสวนสาธารณะย่านถนนร่มเกล้า โดยมีรถตู้มารับเมื่อเดินทางถึงพื้นที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ผู้ต้องหาและกลุ่มพวกที่สนใจไปทำงานด้วยกัน ได้ไปรอคนที่จะมารับไปทำงานอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่อรัญประเทศ จากนั้นวันเดียวกันได้มีรถเก๋งมารับและไปส่งยังชายแดน ก่อนที่ทั้ง 7 คนและคนนำทางจะพากันเดินทางเท้าผ่านเส้นทางธรรมชาติเพื่อเข้าไปยังประเทศกัมพูชา เมื่อผู้ต้องหาเดินทางต่อจนไปถึงโรงแรม จิงเฉิง เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ผู้ต้องหาได้พบกับนายสุคนธนารักษ์ นาคจันทร์ หรือปอ ซึ่งเป็นหัวหน้าคอยสั่งการ ผู้ต้องหาได้รับโทรศัพท์มือถือไว้ทำงานจำนวน 2 เครื่อง เพื่อสร้างบัญชีแอปพลิเคชั่น Tinder
ทั้งนี้ได้รับการแนะนำให้สร้างโปรไฟล์เป็นผู้หญิงหน้าตาดี ทรงมีฐานะ เพื่อล่อผู้ชายคนไทยที่ทักแชทพูดคุยให้หลงรัก โดยในการพูดคุยของผู้ต้องหากับเหยื่อจะมีนายสุคนธนารักษ์ นาคจันทร์ หรือปอ ซึ่งเป็นตัวการใหญ่ จะเป็นคนให้บทสคริปการแชทคุยสำหรับให้ผู้ต้องหาไว้ดูเป็นแนวทางในการพูดคุยกับเหยื่อ เมื่อแชทพูดคุยจนผู้ต้องหาเริ่มมีความสนิทสนมกับเหยื่อพอสมควร ผู้ต้องหาจะส่งรูปภาพการได้กำไรจากการลงทุนซื้อขายเงินตราต่างประเทศ ( Forex ) ให้ดู เมื่อเหยื่อหลงกลถามถึงรายละเอียดการลงทุนซื้อขายเงินตราต่างประเทศ ( Forex ) ตามแผนที่วางไว้ ผู้ต้องหาจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับผลกำไรที่จะได้ให้ทราบเพื่อหยั่งเชิงว่าเหยื่อจะมีความสนใจ หรือมีความโลภ มากน้อยแค่ไหน จากนั้น เมื่อเหยื่อสนใจผู้ต้องหาจะแนะนำให้ดาวโหลดแอปพลิเคชั่น META TRADER5 เพื่อให้เหยื่อสมัครบัญชีทดลองเล่น
นอกจากนี้ผู้ต้องหาจะแนะนำเหยื่อให้เล่นตามที่ผู้ต้องหาแนะนำเพื่อแสดงให้เหยื่อเห็นว่าเล่นแล้วสามารถได้กำไรและได้รับเงินจริง จนเหยื่อเกิดความมั่นใจจึงจะแนะนำให้เหยื่อเปิดบัญชีสำหรับลงทุน พร้อมกับแนะนำให้เหยื่อรู้จักและติดต่อกับนักวิเคราะห์การลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญ (ซึ่งเป็นคนร้ายไม้ที่สอง) ที่ผู้ต้องหาอ้างกับเหยื่อว่าจะสามารถให้คำแนะนำเรื่องการลงทุนเพื่อให้ได้ผลกำไรที่แน่นอน ถือเป็นอันเสร็จสิ้นหน้าที่ของผู้ต้องหาที่ผ่านมาผู้ต้องหาทำหน้าที่เป็นคนหาเหยื่อไม้แรก โดยสร้างโปรไฟล์เป็นผู้หญิงหน้าตาดี ทรงมีฐานะ เพื่อล่อผู้ชายคนไทยที่ทักคุยให้หลงรักผ่านแอปพลิเคชั่น Tinderเพื่อส่งต่อให้คนร้ายไม้สองของขบวนการที่ประเทศกัมพูชาเป็นเวลาประมาณ 8 เดือน
ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2564 ถึง กลางกรกฎาคม 2565หาเหยื่อให้กับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลวงให้รักและหลอกให้ร่วมลงทุนดังกล่าวในส่วนของไม้แรกได้ประมาณ 12 ราย ในจำนวน 12 รายที่ผู้ต้องหาส่งต่อให้คนร้ายไม้สองเพื่อหลอกเหยื่อต่อ ปรากฏคนร้ายไม้สองสามารถหลอกเหยื่อต่อจนสามารถหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินสำเร็จ จำนวน 4 ราย ความเสียหายต่อราย รายละประมาณ 700,000 (เจ็ดแสนบาท) ความเสียหายรวมกว่า 3,000,000 (สามล้านบาท) โดยในบรรดาเหยื่อที่มาตกหลุมรักกลลวงผู้ต้องหาไม้แรกส่วนใหญ่เป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว พ่อค้า ข้าราช เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ตาพระยา ภ.จว.สระแก้ว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพกลโกงมากมายขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อ อย่าเห็นแต่ผลประโยชน์ที่ไม่มีความแน่นอน หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ เสนอขาย หรือชักชวนลงทุนในด้านต่างๆ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.