
เกษตรกรต้นแบบ “นัฐวุฒิ ปัญจโกวิทย์”เจ้าของฟาร์มแพะบังไน์ ซึ่งเป็นฟาร์มแพะขนาดใหญ่ในพื้นที่หมู่ที่ 5 ตำบลหนองช้างแล่น อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ปัจจุบันเลี้ยงแพะ 5 สายพันธุ์ โดยส่วนหนึ่งมีการนำเข้าพ่อแม่พันธุ์จากต่างประเทศ และส่วนหนึ่งได้จากการพัฒนาสายพันธุ์ด้วยตนเอง (แพะลูกผสม) ทำให้ได้แพะที่แข็งแรง กินเก่ง โตเร็ว น้ำหนักดี ซึ่งดีกว่าแพะสายพันธุ์พื้นเมืองทั่วไป รวมทั้งดูวิธีการจัดการฟาร์มที่ได้มาตรฐานปศุสัตว์ ที่เป็นการเลี้ยงแบบโรงเรือน ปฏิบัติตามระเบียบกรมปศุสัตว์ โดยเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ได้เข้าทำการตรวจเลือดหาเชื้อเป็นระยะๆ ทำประวัติทุกตัว มีใบอนุญาตการเคลื่อนย้าย ทำให้ลูกค้าและผู้บริโภคปลายทางเกิดความปลอดภัย

นัฐวุฒิ บอกว่า ตนได้ทำฟาร์มเลี้ยงแพะมาตั้งแต่ปี 2561 ที่จังหวัดนนทบุรี ก่อนแต่งงานแล้วย้ายมาอยู่ที่จังหวัดตรัง เมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่ยังคงทำฟาร์มเลี้ยงแพะเรื่อยมา จนล่าสุดมีถึง 300 กว่าตัวแล้ว ใน 5 สายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์บอร์ ที่นำเข้าพ่อแม่พันธุ์มาจากแอฟริกาใต้ ตัวผู้ราคาเริ่มต้นที่ตัวละ 15,000 บาท ตัวเมีย ราคาเริ่มต้นที่ตัวละ 20,000 บาท นอกจากนั้น ยังมีสายพันธุ์แองโกล สายพันธุ์ลูกผสม สายพันธุ์นูเบียน และสายพันธุ์แคระ (แพะสวยงาม) ซึ่งวันนี้มีตลาดที่ดีมาก และมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ สำหรับลูกค้าจะอยู่ในอำเภอต่างๆ ของจังหวัดตรัง เช่น กันตัง ย่านตาขาว ปะเหลียน รวมทั้งจากจังหวัดพัทลุง ที่มีแพะเท่าไหร่ก็เอาหมด โดยมีการสั่งจองตกลงราคาซื้อขายกันล่วงหน้า

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แพะเคยมีราคาตก ทำให้เกษตรกรเลิกเลี้ยงกันไปเยอะ ขณะที่ความต้องการของตลาดไม่ได้ลดลง กระทั่งล่าสุดได้ทำให้ราคาแพะกลับมาสูงขึ้น โดยเฉลี่ยอยู่ที่ กก.ละ 155 บาท ซึ่งปกติลูกแพะเมื่อเลี้ยงไปได้ 3 เดือน จะมีน้ำหนัก 20 กก.กว่าๆ ราคาขายตัวละ 3,000 กว่าบาท แต่หากขุนไปอีก 4 เดือน จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 35 กก.ขึ้นไป ราคาขายตัวละ 4,600 กว่าบาท ส่วนแพะเมียจะคัดเลือกตัวสมบูรณ์เก็บไว้ขยายพันธุ์ต่อ ขณะที่ตัวที่ไม่สวยงาม ก็จะขุนเป็นแพะเนื้อไว้ขายเช่นกัน โดยราคาขายส่ง แพะตัวเมีย จะอยู่ที่ กก.ละ 130-150 บาท ส่วนแพะตัวผู้ ราคาจะอยู่ที่ กก.ละ 170-180 บาท จึงเป็นราคาที่ดี เป็นโอกาสทองของคนเลี้ยงแพะ

นัฐวุฒิ บอกต่อว่า สำหรับแม่แพะ ปกติจะคลอดลูกได้คลอกละ 2-3 ตัว จึงเป็นภาระของผู้เลี้ยงที่จะต้องช่วยแม่แพะเลี้ยง โดยการป้อนนมเสริมให้กิน มิเช่นนั้นลูกแพะจะไม่โต จะไม่แข็งแรง อย่างไรก็ตาม หากเป็นแม่แพะตัวที่มีร่างกายสมบูรณ์ จะสามารถนำมาผสมพันธุ์ใหม่ได้ หลังจากคลอดลูกได้ 2 เดือนขึ้นไป โดยสายพันธุ์ที่ทางฟาร์มให้ความสนใจพัฒนามากที่สุดก็คือ สายพันธุ์ลูกผสม เพราะจะโตเร็ว กินเก่ง น้ำหนักดี ซึ่งดีกว่าแพะสายพันธุ์พื้นเมืองทั่วไป ที่มีตัวเล็กกว่าเยอะ พร้อมทั้งผลิตอาหารเสริมที่ทำมาจากวัตถุดิบทางธรรมชาติให้แพะกินเพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ ทั้งผิวถั่วเหลือง กากถั่วเหลือง โดยเฉพาะกากเนื้อในปาล์มที่ได้จากโรงงาน ที่นำมาผสมกับทางปาล์มที่หมักไว้ แล้วบดผสมอาหารให้แพะกิน

ทุกวันนี้ตนตั้งใจจะรวบรวมแพะให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น และขยายฟาร์มไปเรื่อยๆ ตามงบประมาณที่มี เพื่อผลิตสินค้าที่มีคุณภาพให้เพียงพอต่อความต้องการ ควบคู่กับการรักษามาตรฐานฟาร์ม จนเป็นฟาร์มปลอดโรค นอกจากนั้น ยังเตรียมการเปิดฟาร์มแพะเป็นคาเฟ่ เพื่อให้ให้เด็กๆ ได้มาเที่ยว ได้มาถ่ายรูปกัน เพราะในจังหวัดตรังยังไม่มีใครทำในแนวนี้ แต่ที่ผ่านมาทางฟาร์มยังไม่พร้อมที่จะรองรับ รวมทั้งการเร่งขยายพันธุ์แพะแคระ เนื่องจากเป็นสายพันธุ์สวยงาม ที่เด็กๆ อยากเข้ามาเที่ยวชมมากที่สุด เกษตรกรที่สนใจอยากศึกษาการจัดการฟาร์ม จะซื้อจะขายแพะ จะซื้อมูลแพะเพื่อนำไปทำปุ๋ยใส่พืชผลการเกษตร สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร.(080) 316-1630 หรือเฟซบุ๊ก “ฟาร์มแพะบังไนท์”
โดย…คนิตา สีตอง/ตรัง







