Friday, 8 August 2025 - 5 : 09 pm
68.06.09-ส่งเว็บremark-320x100px_CREai
OIC_001
data-no-lazy="1"
68.06.09-ส่งเว็บremark-320x100px_CREai
OIC_001

เสริมแกร่งเกษตรกรเขาหินซ้อนผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพ บนหลัก “เศรษฐกิจพอเพียง”

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นโครงการต้นแบบที่สะท้อนพระอัจฉริยภาพและพระราชวิสัยทัศน์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการฟื้นฟูพื้นที่เสื่อมโทรมให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากเดิมทีพื้นที่เขาหินซ้อนเคยแห้งแล้ง ขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติและไม่สามารถเพาะปลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ พระองค์ท่านจึงทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้ง“ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ” ขึ้นในปี2522 เพื่อศึกษา ทดลอง และพัฒนาแนวทางฟื้นฟูที่ดิน แหล่งน้ำ และป่าไม้ โดยให้สอดคล้องกับภูมิสังคมของพื้นที่ เน้นการใช้เทคโนโลยีเรียบง่าย ประหยัด และยั่งยืน เพื่อให้เกษตรกรสามารถนำไปปฏิบัติด้วยตนเองได้

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ ได้ขับเคลื่อนการพัฒนาในหลายมิติ ทั้งการฟื้นฟูที่ดิน การอนุรักษ์แหล่งน้ำ และการปลูกป่า จนสามารถเปลี่ยนภูมิประเทศจากเดิมที่แห้งแล้งให้กลับมาเขียวชอุ่ม มีความชุ่มชื้น และรองรับการใช้ประโยชน์ด้านการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ หนึ่งในพืชหลักที่ศูนย์ฯ ให้ความสำคัญคือการปลูกข้าว ซึ่งเป็นอาหารหลักของคนในพื้นที่และเป็นอาชีพสำคัญของเกษตรกรโดยรอบ

ศูนย์วิจัยข้าวฉะเชิงเทรา กรมการข้าว ในฐานะหน่วยงานบูรณาการภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีบทบาทร่วมสนับสนุนด้านวิชาการข้าวแก่เกษตรกรรอบศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2553ผ่าน “โครงการศึกษาพัฒนาและจัดการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105”

                                                  นพดล ประยูรสุข

นพดล ประยูรสุข ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยข้าวพระนครศรีอยุธยา รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์วิจัยข้าวฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ศูนย์วิจัยข้าวฉะเชิงเทรา ได้ดำเนินโครงการศึกษาพัฒนาและจัดการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 ในเขตพื้นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ บนพื้นที่ดำเนินการ 12 ไร่ เพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์คุณภาพสูงให้เกษตรกรนำไปทดลองปลูก ขยายพันธุ์ และใช้ประโยชน์ในระดับชุมชน ผลจากการดำเนินงานระหว่างปี 2562 – 2566 สามารถผลิตเมล็ดพันธุ์รวมทั้งสิ้น 8,565 กิโลกรัม แบ่งเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นพันธุ์ขยาย 571 กิโลกรัม และเมล็ดพันธุ์ชั้นพันธุ์หลักที่ผ่านการรับรองคุณภาพ 7,994 กิโลกรัม โดยมีอัตราการขยายผลเฉลี่ย 1:40 ส่งผลให้มีการกระจายเมล็ดพันธุ์ถึงเกษตรกรกว่า 228,400 กิโลกรัม เพื่อใช้ในการผลิตข้าวคุณภาพในพื้นที่เป้าหมาย

การทำงานร่วมกับเกษตรกรดำเนินควบคู่ไปกับการถ่ายทอดองค์ความรู้ผ่าน “โรงเรียนเกษตรกร” ที่เน้นการสร้างแปลงเรียนรู้จริง ตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกรวง การผลิต การปักดำ การตัดพันธุ์ปน จนถึงการเก็บเกี่ยว เกษตรกรได้รับทั้งความรู้และเมล็ดพันธุ์คุณภาพ ในช่วงปี 2553–2568 มีการผลิตเมล็ดพันธุ์สะสมรวมทั้งสิ้น 23,860 กิโลกรัม พร้อมทั้งขยายเทคโนโลยีให้ครอบคลุมระดับพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

ระหว่างปี 2563 – 2566 ศูนย์ฯ ได้แจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 แก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการในตำบลเขาหินซ้อน ตำบลบ้านซ่อง ตำบลลาดบัวขาว และตำบลท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา รวมประมาณ 90 ราย โดยแต่ละรายได้รับเมล็ดพันธุ์รู้หลักประมาณ 30–40 กิโลกรัม เพื่อนำไปปลูกขยายพันธุ์ในพื้นที่ของตน ทั้งเพื่อบริโภค จำหน่าย หรือเก็บรักษาไว้ใช้ต่อในฤดูกาลถัดไป เจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ ร่วมกับศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ ลงพื้นที่ติดตามแปลงขยายพันธุ์เป็นประจำทุกปี พบว่าเกษตรกรมีความพึงพอใจสูง เนื่องจากผลผลิตที่ได้เป็นข้าวพันธุ์แท้ คุณภาพดี และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้

เพื่อเสริมศักยภาพกระบวนการผลิตเมล็ดพันธุ์ ศูนย์วิจัยข้าวฉะเชิงเทราได้สนับสนุนเทคโนโลยีการปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ เช่น การคัดแยกสิ่งเจือปนและลดความชื้นผ่านเครื่องปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ ซึ่งต่อยอดจากแปลงเรียนรู้เดิม การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวช่วยแก้ปัญหาเดิมที่เกิดจากเมล็ดพันธุ์ปลอมปนและวัชพืช ซึ่งเคยทำให้ผลผลิตด้อยคุณภาพและถูกตัดราคาจนรายได้เกษตรกรต่ำ หลังจากเข้ารับการอบรมและใช้เมล็ดพันธุ์คุณภาพ เกษตรกรสามารถเพิ่มผลผลิตและรายได้ได้ 15–20% สะท้อนถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตและความมั่นคงทางรายได้

ด้วยลักษณะพื้นที่เขาหินซ้อนเป็นนาน้ำฝน จึงมีข้อจำกัดเรื่องพันธุ์ข้าวที่ต้องไวต่อช่วงแสง ทำให้พันธุ์หลักที่ใช้คือข้าวขาวดอกมะลิ 105 ขณะเดียวกันศูนย์ฯ ยังพยายามส่งเสริมพันธุ์ข้าวหอมจันทร์ฉะเชิงเทรา ซึ่งกำลังได้รับความนิยมและมีแนวโน้มจะขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของจังหวัดฉะเชิงเทรา พันธุ์นี้มีศักยภาพให้ผลผลิตสูงกว่าขาวดอกมะลิ 105 ประมาณ 5% และมีความต้านทานโรคไหม้สูงกว่า ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ศูนย์ฯ ได้พัฒนาเทคโนโลยีภาคสนาม เช่น รถปักดำนา และเครื่องหยอดข้าวแห้งติดท้ายรถแทรกเตอร์ ซึ่งสามารถทำงานได้วันละเกือบ 20 ไร่ ช่วยลดแรงงานคนและต้นทุนการผลิตอย่างมีนัยสำคัญ

การขับเคลื่อนงานของศูนย์วิจัยข้าวฉะเชิงเทราอยู่บนพื้นฐานแนวคิด “เศรษฐกิจพอเพียง” ที่ส่งเสริมการพึ่งพาตนเอง โดยเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพที่เกษตรกรผลิตได้ถือเป็นปัจจัยการผลิตสำคัญที่ลดการพึ่งพาจากภายนอก พร้อมผนวกการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า เช่น การใช้จุลินทรีย์ น้ำหมักชีวภาพ เพื่อลดต้นทุนและลดการใช้สารเคมีโดยไม่ลดทอนผลผลิต

แนวทางพระราชดำริที่พระองค์ทรงเน้นคือการ “ติดความรู้” ให้กับเกษตรกร พร้อมสนับสนุนปัจจัยให้เขาสามารถตั้งตัวได้ด้วยตนเอง เปรียบเสมือนการให้เบ็ดตกปลา มากกว่าการจับปลาให้ เมื่อเกษตรกรมีความรู้และผลิตเมล็ดพันธุ์คุณภาพได้แล้ว สามารถต่อยอดไปสู่การแปรรูปข้าวสาร การสร้างเครือข่ายมาตรฐานการผลิต เช่น ข้าวอินทรีย์ และขยายสู่มูลค่าเพิ่มในระดับท้องถิ่น เป็นการสืบสาน รักษา และต่อยอดตามแนวพระราชดำริอย่างแท้จริง

“ความสำเร็จของศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ และความร่วมมือเชิงวิชาการกับศูนย์วิจัยข้าวฉะเชิงเทรา ไม่เพียงเป็นแบบอย่างของการพัฒนาที่ยั่งยืน แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ประชาชน หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และเยาวชน ได้ศึกษาวิธีการอนุรักษ์ทรัพยากรและพัฒนาเกษตรกรรมตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งจะเป็นฐานรากสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างมั่นคงในอนาคต” รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์วิจัยข้าวฉะเชิงเทรา กล่าวทิ้งท้าย

© 2021 thairemark.com