Friday, 24 January 2025 - 12 : 35 am
kanda_002
OIC_001
data-no-lazy="1"
kanda_002
OIC_001

ความเห็นที่ไม่ควรมองข้าม : กรณีปลาหมอคางดำ

ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการใช้ทรัพยากรอย่างไม่ยั่งยืนก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมมากมาย หนึ่งในปัญหาที่ได้รับความสนใจจากสังคม คือการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ ปลาชนิดนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศแต่ยังส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรในพื้นที่ที่ปลาหมอคางดำอาศัยอยู่ด้วย

การติดตามสถานการณ์ความคืบหน้าในเรื่องนี้ได้ทำให้เห็นถึงข้อถกเถียงมากมาย โดยเฉพาะคำพูดและความเคลื่อนไหวขององค์กร NGO ที่มีบทบาทในการให้ความรู้เกี่ยวกับปลาหมอคางดำ ตั้งแต่เริ่มมีการระบาด โดยดำเนินการแถลงข้อมูลในเวทีสาธารณะ และโพสต์ข้อมูลมากมายในเพจเฟซบุ๊ค ทุกครั้งที่มีการโพสต์จะมีกลุ่มแฟนคลับสนับสนุนอยู่เสมอ

อย่างไรก็ตาม ยังมีหนึ่งในความคิดเห็นที่ปรากฏบนเพจดังกล่าว เป็นความคิดเห็นที่ดูเหมือนจะยึดหลักการของการให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของเกษตรกร ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการรับมือกับปัญหานี้ โดยเขาได้เสนอให้พิจารณาความเป็นไปได้ในการปฏิบัติที่มีความยั่งยืน ซึ่งเป็นความเห็นที่ควรได้รับการนำมาพิจารณาอย่างจริงจัง ในส่วนของแนวทางการจัดการกับปลาหมอคางดำ ไม่ใช่เพียงมุ่งหวังที่จะประณามหรือตำหนิผู้ที่คาดว่าอาจเกี่ยวข้อง

ข้อเสนอที่ชัดเจนจากบัญชี (Account) นี้ก็คือ “ควรระบุให้ชัดเจนว่าการระบาดของปลาหมอคางดำเกิดจากปัจจัยใด” ซึ่งการชี้แจงและสื่อสารข้อมูลที่แท้จริงจะช่วยให้เกิดความเข้าใจร่วมกัน ในกรณีนี้ คำแนะนำที่ว่าควรจัดตั้งกรรมาธิการหาข้อเท็จจริงเพื่อหาสาเหตุของการระบาด ไม่ใช่แค่เพื่อประชาชนเท่านั้น แต่เพื่อหน่วยงานที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องก็จำเป็นต้องชัดเจนเช่นกัน ขณะที่ก่อนหน้านี้ กรรมาธิการ อว. สภาผู้แทนราษฎร ยังไม่สามารถสรุปผู้รับผิดชอบได้ เชื่อว่าปัญหานี้ก็จะยังคงวนเวียนไปในด้านความรับผิดชอบของภาครัฐเป็นหลัก

อีกความเห็นหนึ่งที่มองว่ามีความสำคัญคือ “ไม่มีวิธีใดที่จะกำจัดปลาหมอคางดำให้หมดไปได้อย่างแน่นอน” ซึ่งหมายความว่าการปรับวิธีการในการเลี้ยงสัตว์น้ำเป็นสิ่งที่จำเป็น สำหรับเกษตรกรในพื้นที่ที่มีปลาหมอคางดำ โดยการพัฒนานี้ควรมีการปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาล องค์กร NGO และชุมชนเกษตรกรที่จะได้รับผลกระทบ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วปลาหมอคางดำไม่สามารถกำจัดให้เป็นศูนย์หรือหมดไปได้อย่างสิ้นเชิง การพัฒนาให้เกิดการเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างยั่งยืนจึงถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศอย่างต่อเนื่อง

ในประเด็นนี้ การสื่อสารและการให้ความรู้แก่เกษตรกรถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ข้อมูลจากภาครัฐถึงวิธีการเลี้ยงกุ้งในพื้นที่เสี่ยงควรมีการปรับเปลี่ยนอย่างไรจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะถ้าหากเกษตรกรยังคงเลี้ยงกุ้งในรูปแบบเดิม ๆ ที่ไม่เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก็จะไม่มีทางทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้เลย

สิ่งที่ต้องเข้าใจคือ การหารือและวิพากษ์วิจารณ์เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาทางสังคม ข้อเสนอแนะจากผู้ติดตามเฟซบุ๊ครายนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความเป็นไปได้ของการเปลี่ยนแปลงในระดับนโยบาย แต่ยังชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่องค์กร NGO ต้องมีวิธีการดำเนินงานที่โปร่งใส โดยมีความร่วมมือกับชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาด้วยความเข้าใจและความร่วมมือที่ดีจากทุกฝ่าย

การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับปลาหมอคางดำต้องอาศัยการประสานงานจากทุกภาคส่วน องค์กร NGO ควรที่จะพิจารณาและเปิดใจรับฟังข้อมูลจากทุกฝ่ายและผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน ไม่ใช่เพียงแค่การตั้งข้อสงสัยหรือตำหนิอย่างไม่มีเหตุผลอีกต่อไป ขณะที่การสร้างความเข้าใจร่วมกันในสังคมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด ไม่เพียงแต่ต่อตนเอง แต่เพื่ออนาคตของสังคมและสิ่งแวดล้อมโดยรวมด้วย.

© 2021 thairemark.com