“พาณิชย์” ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) รายการใหม่ “ทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา” มั่นใจช่วยเพิ่มมูลค่าให้สินค้า สร้างรายได้ให้ชุมชน และมีโอกาสส่งออกขายจีนและมาเลเซียเพิ่มขึ้น เผยราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 190 บาท สร้างรายได้ให้จังหวัดยะลากว่า 2,800 ล้านบาทต่อปี คาดหลังจากนี้ สร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกแน่
นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญาประกาศให้ “ทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา” เป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ตัวใหม่ของ จ.ยะลา คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการส่งออก ผลไม้ไทยสู่ตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น โดยเฉพาะประเทศจีนเเละมาเลเซีย ช่วยสร้างความเข้มเเข็งเศรษฐกิจชุมชนไทยและ กระจายรายได้สู่เกษตรกรรายย่อย
ทั้งนี้ ด้วยรสชาติและกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ทำให้ทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา มีราคาสูงถึง 190 บาท/ก.ก. สร้างรายได้ให้คนยะลา มากถึง 2,800 ล้านบาทต่อปี รสชาติมีความโดดเด่น หวานมัน เนื้อเเห้ง ละเอียด เส้นใยน้อย มีกลิ่นเฉพาะตัวและเนื้อมีสีเหลืองอ่อนหรือเข้มตามแต่ละสายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์ก้านยาว พันธุ์ชะนี พันธุ์พวงมณี พันธุ์มูซังคิง และพันธุ์หนามดำหรือโอฉี่ ปลูกได้ตลอดทั้งปี ปลูกบนพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ตั้งเเต่ 100 เมตรขึ้นไป ตามไหล่เขา สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย. ของทุกปี “ทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา” ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งรายได้สำคัญของยะลา ถัดจาก “กล้วยหินบันนังสตา” ที่ได้ขึ้นทะเบียน GI ไปก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม การารขึ้นทะเบียน GI ทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา เป็นการยกระดับสินค้าเกษตรไทยสู่สายตาชาวโลก สร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างงานและรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจ ชุมชนและเกษตรกรในพื้นที่อย่างยั่งยืน
สำหรับวิสาหกิจชุมชนหรือชุมชนท้องถิ่นที่มีสินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่นที่มีคุณลักษณะเฉพาะของแหล่งภูมิศาสตร์และเป็นสินค้าที่มีคุณภาพมีชื่อเสียง สามารถขอคำปรึกษา เพื่อยื่นคำขอขึ้นทะเบียน GI ได้ที่ศูนย์บริการประชาชน ชั้น 3 กรมทรัพย์สินทางปัญญา หรือสายด่วนกรมทรัพย์สินทางปัญญา โทร. 1368