Friday, 14 March 2025 - 7 : 51 pm
kanda_002
OIC_001
data-no-lazy="1"
kanda_002
OIC_001

“กระทรวงพาณิชย์” แนะเกษตรกรเปลี่ยนปลูกพืชให้เหมาะสมกับพื้นที่

สนค.แนะเกษตรกรไทย ปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกพืชเกษตรให้เหมาะสมกับพื้นที่ ยึดตามระบบแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map) หลังพบไทยมีการปลูกพืชหลายชนิดไม่เหมาะสมกับพื้นที่ ทั้งข้าว มัน ปาล์ม ข้าวโพด มะพร้าว จำเป็นต้องเปลี่ยนไปปลูกพืชเศรษฐกิจอื่น เพื่อเพิ่มรายได้ ส่วนช่วงเปลี่ยนผ่าน เกษตรกรจะไม่มีรายได้ ภาครัฐต้องช่วยสนับสนุน

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เกษตรกรไทยกำลังเผชิญปัญหารายจ่ายสวนทางกับรายรับ โดยเกิดจากการผลิตมีต้นทุนสูง ขณะที่ผลผลิตมีราคาไม่แน่นอน ส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกร โดยแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ในระยะสั้นจำเป็นต้องหามาตรการรองรับเร่งด่วน อาทิ การควบคุมราคาสินค้า และการหาตลาดรองรับ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกร และในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลต่อความยั่งยืนของรายได้เกษตรกร จำต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตให้เหมาะสม ทั้งการเพิ่มผลผลิตต่อพื้นที่ การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ การปรับปรุงพันธุ์ การบริหารจัดการน้ำ รวมถึงการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม หรือโซนนิ่ง (Zoning)

ทั้งนี้ ในปัจจุบัน ประเทศไทยมีการปลูกพืชเกษตรในพื้นที่ไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก การให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการพื้นที่เกษตร โดยการจัดโซนนิ่งและปรับโครงสร้างการเพาะปลูก เพื่อให้เกษตรกรเปลี่ยนไปปลูกพืชเกษตรที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ จึงเป็นปัจจัยสำคัญของการลดต้นทุนแก่เกษตรกรได้อย่างรวดเร็ว โดยจากข้อมูลระบบแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีการจัดชั้นความเหมาะสมของที่ดินสำหรับเพาะปลูก ซึ่งพบว่าประเทศไทยปลูกพืชเกษตรหลายชนิดในพื้นที่ไม่เหมาะสม จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ ให้เกิดการปรับเปลี่ยนไปสู่การผลิตที่มีความเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ

ยกตัวอย่างเช่น ข้าว มีพื้นที่ปลูกทั่วประเทศประมาณ 66.3 ล้านไร่ โดยมีการปลูกในพื้นที่เหมาะสมน้อยจนถึงไม่เหมาะสม อยู่ที่ร้อยละ 36.9 ของพื้นที่ปลูกข้าวทั้งหมด จังหวัดที่พื้นที่ไม่เหมาะสมมากที่สุด อาทิ อุบลราชธานี สกลนคร และร้อยเอ็ด จังหวัดที่พื้นที่เหมาะสมมากที่สุด อาทิ นครสวรรค์ พิจิตร และพิษณุโลก

มันสำปะหลัง มีพื้นที่ปลูกทั่วประเทศประมาณ 13.0 ล้านไร่ โดยมีการปลูกในพื้นที่เหมาะสมน้อยจนถึงไม่เหมาะสม อยู่ที่ร้อยละ 40.2 ของพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังทั้งหมด จังหวัดที่พื้นที่ไม่เหมาะสมมากที่สุด อาทิ อุบลราชธานี สุรินทร์ และชัยภูมิ จังหวัดที่พื้นที่เหมาะสมมากที่สุด อาทิ กำแพงเพชร พิษณุโลก และอุตรดิตถ์

ปาล์มน้ำมัน มีพื้นที่ปลูกทั่วประเทศประมาณ 5.1 ล้านไร่ โดยมีการปลูกในพื้นที่เหมาะสมน้อยจนถึงไม่เหมาะสม อยู่ที่ร้อยละ 37.6 ของพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันทั้งหมด จังหวัดที่พื้นที่ไม่เหมาะสมมากที่สุด อาทิ ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร จังหวัดที่พื้นที่เหมาะสมมากที่สุด อาทิ กระบี่ นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี

ข้าวโพด มีพื้นที่ปลูกทั่วประเทศประมาณ 3.8 ล้านไร่ โดยมีการปลูกในพื้นที่เหมาะสมน้อยจนถึงไม่เหมาะสม อยู่ที่ร้อยละ 47.9 ของพื้นที่ปลูกข้าวโพดทั้งหมด จังหวัดที่พื้นที่ไม่เหมาะสมมากที่สุด อาทิ เพชรบูรณ์ เชียงราย และน่าน จังหวัดที่พื้นที่เหมาะสมมากที่สุด อาทิ สระแก้ว สมุทรสาคร และอุบลราชธานี

มะพร้าว มีพื้นที่ปลูกทั่วประเทศประมาณ 1.5 ล้านไร่ โดยมีการปลูกในพื้นที่เหมาะสมน้อยจนถึงไม่เหมาะสม อยู่ที่ร้อยละ 15.4 ของพื้นที่ปลูกมะพร้าวทั้งหมด จังหวัดที่พื้นที่ไม่เหมาะสมมากที่สุด อาทิ สุราษฎร์ธานี ชุมพร และตราด จังหวัดที่พื้นที่เหมาะสมมากที่สุด อาทิ ราชบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร

“การปลูกพืชทดแทน ต้องคำนึงถึงความต้องการตลาดด้วย เพื่อป้องกันปัญหาปริมาณผลผลิตล้นหรือขาดตลาด ซึ่งจะส่งผลต่อราคาสินค้าเกษตรและรายได้เกษตรกร และในช่วงของการเปลี่ยนผ่านไปสู่การปลูกพืชที่เหมาะสมกับพื้นที่และความต้องการของตลาด จะเป็นช่วงที่เกษตรกรอาจขาดรายได้หรือรายได้ไม่เพียงพอ ภาครัฐจำเป็นต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร อาทิ การสนับสนุนต้นพันธุ์ การช่วยเหลือค่าปัจจัยการผลิต

และการบริหารจัดการ รวมทั้ง ควรเร่งสร้างความเข้าใจให้กับเกษตรกรถึงประโยชน์ของการปรับเปลี่ยนการผลิตพืชเกษตรให้เหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อยกระดับศักยภาพในการผลิตและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตรไทย อันจะนำไปสู่การเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรได้อย่างยั่งยืน”นายพูนพงษ์กล่าว

© 2021 thairemark.com