การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ระดับ 68 ลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมามาก และต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากไตรมาสนี้เป็นช่วง Low Season ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ อำนาจการซื้อของผู้บริโภคชาวไทยลดลง และเกิดสภาวะอุทกภัยในหลายพื้นที่ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ทางภาคเหนือของประเทศไทย โดยการคาดการณ์สถานการณ์ท่องเที่ยวไตรมาส 4/2567 ดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ 80 สูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว จากการมียอดจองล่วงหน้าในช่วง High Season และการมีไฟล์ทบินเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี
ในเชิงรายได้ ร้อยละ 82 ของสถานประกอบการยังมีรายได้น้อยกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 โรงแรมร้อยละ 54 ยังมีรายได้น้อยกว่าปี 2562 โดยร้อยละ75 ของโรงแรมขนาดใหญ่มีรายได้ใกล้เคียงหรือดีกว่าก่อนโควิด19 ในขณะที่ร้อยละ 92 ของโรงแรมขนาดเล็กยังมีรายได้ลดลง ด้านความช่วยเหลือ ประชาชนร้อยละ 95 ต้องการให้รัฐบาลช่วยลดค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และแก๊สหุงต้ม ร้อยละ 80 อยากให้รัฐบาลปล่อยกู้เงิน 10,000 บาท ปลอดดอกเบี้ย ร้อยละ 60 อยากให้มีโครงการคนละครึ่ง
นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศ (สทท.) กล่าวว่า จากสภาวะวิกฤตน้ำท่วมได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ในระยะสั้น สทท.ขอเสนอให้รัฐบาลอนุมัติโครงการเที่ยวคนละครึ่ง เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวในประเทศ ทั้งเมืองที่ได้รับผลกระทบและเมืองน่าเที่ยว นอกจากนี้ยังต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นทั้งด้านความพร้อมหลังน้ำลด และความปลอดภัยหลังเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัส ในระยะกลางและยาว ต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการท่องเที่ยว สทท. ขอเสนอให้ตั้งคณะกรรมการพัฒนาสินค้าท่องเที่ยว เพื่อยกระดับความปลอดภัย ยั่งยืนและ Storytelling ซึ่งยังเป็นความท้าทายสำคัญของการท่องเที่ยวไทย โดยปัจจุบัน สทท. กำลังเร่งยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้เป็นผู้นำด้านความยั่งยืน โดย สทท.ได้จับมือกับ SME D Bank และ ททท. ขับเคลื่อนโครงการ Green Productivity เติมความรู้ควบคู่การเติมทุนผ่าน Green Loan 15,000 ล้านบาท เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเพิ่มมูลค่า ลดการใช้ทรัพยากรและมีประสิทธิภาพในการให้บริการที่ดีขึ้น
นายกิตติ พรศิวะกิจ ประธาน Smart Tourism สทท. กล่าวเสริมว่า นอกเหนือจากเรื่อง Safety และ Sustainability ที่ท่านประธาน สทท. ได้กล่าวไว้แล้ว สทท. ยังมีนโยบายส่งเสริมเรื่อง Storytelling โดยมุ่งเน้นการเล่าเรื่องเสน่ห์เมืองไทยผ่าน Softpower ต่าง ๆ โดยใช้ Influencer ร่วมกับ Digital Platform ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มตลาดเฉพาะแบบมุ่งเป้า ตามชาติ วัย และ Lifestyle เพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำมากขึ้น
นายชำนาญกล่าวเสริมว่า ปี 2567 นี้ รายได้ท่องเที่ยวรวมคาดว่าอยู่ที่ 2.7-2.8 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 35.5-36.5 ล้านคน โดยปีหน้า สทท. ตั้งเป้ารายได้ที่ 2.9-3.1 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็น New High จากนักท่องเที่ยว 38-40 ล้านคน โดยสทท. มุ่งเน้นที่การกระจายนักท่องเที่ยวให้สมดุลเชื่อมเมืองหลักสู่เมืองน่าเที่ยว การสร้างตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง ที่ใส่ใจต่อสุขภาพ สังคมและสิ่งแวดล้อม มีการใช้จ่ายต่อทริปที่สูงขึ้น และการสร้าง Man-made / Community และ Event เพื่อลดการพึ่งพาธรรมชาติและกระจายรายได้ชุมชนท้องถิ่นและผู้ประกอบการ SME และทีสำคัญคือ การจัด Tourism Mega Event ในไทย ระดับ ITB / WTM เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำของโลกด้านการท่องเที่ยว