Sunday, 24 November 2024 - 2 : 50 pm
kanda_002
OIC_001
data-no-lazy="1"
kanda_002
OIC_001

เริ่มแล้วฤดูชมนกเงือกที่ “ช่องเย็น”ป่าแม่วงก์ กำแพงเพชร

ฤดูชมนกเงือกที่ช่องเย็น อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ได้เริ่มขึ้นแล้วสำหรับปีนี้ โดยภาพของนกเงือกกรามช้าง (Wreathed Hornbill) ถือเป็นภาพหาดูยากและมีความสวยงามมากๆ เสียงปีกกระทบอากาศเกิดเสียงดัง บินผ่านร่องเขาช่องเย็น บินข้ามไปทางอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า นักท่องที่อยู่ในบริเวณลานกางเต็นท์ที่ “ช่องเย็น” ต่างตะลึงที่เห็นครอบครัวฝูงนกเงือกกรามช้าง (Wreathed Hornbill) สวยงามมากๆ 

สำหรับ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ มีพื้นที่ 894 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัด คือ จังหวัดกำแพงเพชร และจังหวัดนครสวรรค์ เป็นหนึ่งในผืนป่าตะวันตกที่มีพื้นที่ป่าสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2530 สภาพป่าประกอบด้วยป่าเบญจพรรณ ป่าดงดิบ และป่าเต็งรัง แหล่งต้นน้ำที่สำคัญ

ขณะที่ “ช่องเย็น” อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 28 กิโลเมตร เป็นจุดสูงสุดของถนนสายคลองลาน-อุ้มผาง สูง 1,340 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีสายลมพัดผ่านและหมอกปกคลุมอยู่เสมอ อากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ย 20 องศาเซลเซียส พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธารตามเทือกเขาสูงชัน ก่อกำเนิดเป็นน้ำตกที่สวยงาม 4-5 แห่ง

น้ำตกแม่กระสา เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สุดในอุทยานฯ อยู่ห่างจากอุทยานฯ 18 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินเท้าไป-กลับประมาณ 3 วัน 2 คืน ตลอดเส้นทางมีจุดที่ต้องปีนป่ายพอสมควร สภาพป่าโดยส่วนใหญ่เป็นป่าเบญจพรรณ สลับกับดิบแล้ง

น้ำตกแม่รีวา อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 21 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่สวยงามมาก เส้นทางเดินเท้าไม่ลำบากมาก มีจุดที่ต้องปีนป่ายเพียงเล็กน้อย สภาพป่าโดยส่วนใหญ่เป็นป่าเบญจพรรณ สลับกับดิบแล้ง

น้ำตกแม่กี เป็นน้ำตกที่ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับน้ำตกแม่รีวาและน้ำตกแม่กระสา มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาถนนธงชัย มีทั้งหมด 6 ชั้น สูงประมาณ 200 เมตร ใช้เวลาในการเดินเท้าไป-กลับประมาณ 3 วัน 2 คืน

นอกจากนั้น บริเวณ “ช่องเย็นและขุนน้ำเย็น” เป็นลานกางเต็นท์ และจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกจุดหนึ่ง สภาพป่าทั่วไปเป็นป่าดิบเขา มีกล้วยไม้หายาก เช่น สิงโตกลอกตา เฟิร์นมหัสดำ มีนกหายาก เช่น “นกเงือกกรามช้าง นกเงือกคอแดง นกภูหงอนพม่า นกพญาปากกว้างหางยาว และนกหัวขวานใหญ่หงอนเหลือง” ซึ่งช่วงฤดูฝนราวๆ เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม จะพบนกเงือกหลายชนิด มีนกเงือกกรามช้าง นกเงือกคอแดง และนกกก ในบริเวณ “ช่องเย็น” พื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ 

รายงานข่าวแจ้งว่า ช่วงนี้จะมีนักดูนก นักถ่ายภาพนก และนักท่องเที่ยว จะมาดูนกเงือก บริเวณช่องเย็น ถือว่าเป็นจุดที่ดูได้ง่ายมาก นกเงือก ถือว่าเป็นนกนักปลูกป่าด้วย เวลาบินปีกจะกระทบอากาศเสียงจะดังคล้ายๆ ลมจากใบพัดเฮลิคอปเตอร์ไปทั่วพื้นป่า นกที่พบวันนี้เป็นนกเงือกกรามช้าง จะบินมาเป็นฝูงย่อยๆ เป็นกลุ่ม 3 ตัว 4 ตัว 7 ตัว ในพื้นที่ป่าแม่วงก์จัดว่าเป็นป่าที่สมบูรณ์มากๆ จึงพบนกเงือกหลากหลายชนิดอาศัยหากิน และออกลูกออกหลานในพื้นที่ป่าแม่วงก์ด้วย

นายอาทิตย์ นิมา นักถ่ายภาพจากเมืองปากน้ำโพ หนึ่งในนักถ่ายภาพนกหลายสิบคนที่มาคอยบันทึกภาพนกเงือกกรามช้าง ขณะที่ฝูงนกเงือกบินผ่านท่ามกลางสายหมอกบนยอดเขาห่างกว่า 500 เมตร กล่าวว่า ลักษณะนกเงือกกรามช้าง ขนหางทั้งหมดมีสีขาว มีลายแถบสีดำพาดบริเวณเหนียง โคนปากเป็นรอยย่นหรือรอยหยัก ตัวผู้บริเวณกระหม่อมและขนยาวบนกระหม่อมสีน้ำตาลเข้ม เหนียงเป็นสีเหลือง เห็นโหนกแข็งได้ชัดเจน ตัวเมียมีหนังรอบดวงตาสีทึบไม่ฉูดฉาด โหนกแข็งเล็ก เหนียงสีฟ้า ตัวที่ยังไม่เต็มวัยเห็นรอยย่นที่โคนปากไม่ชัดเจน โหนกแข็งเล็กกว่า มักจะพบเป็นฝูงเล็กๆ และอาจจะพบมากในบริเวณที่มีอาหารสมบูรณ์ ส่วนใหญ่จะเกาะตามยอดไม้ บินลงมายังพื้นดินเป็นครั้งคราวเพื่อไล่จิกเหยื่อที่เป็นสัตว์ต่างๆ บินได้ไกลราว 20-30 กิโลเมตร เสียงร้องคล้ายเสียงเห่า ลักษณะแหบๆ สั้นๆ

สำหรับภาพบรรยากาศแบบนี้จะมีไปจนถึงประมาณเดือนสิงหาคมเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นนกจะจับคู่และทยอยบินกลับไปทำรังวางไข่ในพื้นที่เดิม ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง นกเงือกในประเทศไทยมีทั้งหมด 13 ชนิด สำหรับนกเงือกกรามช้าง แบ่งเป็น 2 ชนิด แต่นกที่บินมาอวดโฉมให้นักท่องเที่ยวและนักถ่ายภาพได้ชมคือ นกเงือกกรามช้าง (ธรรมดา) แต่ยังมีอีกชนิดเรียกว่า นกเงือกกรามช้างปากเรียบ ที่มีจุดสังเกตที่แตกต่างกันคือ ถุงใต้คอจะมีขีดสีดำ

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า การถ่ายภาพนกพวกนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องเข้าใจพฤติกรรมของนกว่าจะบินมาถึงช่วงไหน ตั้งแต่ช่วงเช้าๆ ถึงช่วงเย็น ซึ่งนกพวกนี้จะออกหากินตั้งแต่เช้ามืด จะบินออกไปหาอาหารไกล 20-30 กม. แล้วบินกลับมาในช่วงใกล้ค่ำ ทำให้มีเวลาเก็บบันทึกภาพในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนพระอาทิตย์ตก ถือว่าเป็นโชคดีของนักท่องเที่ยวที่ได้ชื่นชมความน่ารักของนกเงือกกรามช้างแบบใกล้ชิด

นอกจากนั้น ยังมีสัตว์ป่าที่หายาก เช่น ช้างป่า กระทิง เสือ กวาง เก้ง หมี แมวลาย และนกต่างๆ มากกว่า 305 ชนิด ซึ่งนกบางชนิดพบเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นในเมืองไทย เช่น นกกระเต็นขาวดำใหญ่ นกกางเขนดง นกโพระดกหูเขียว และนกพญาปากกว้างหางยาว ช่วงเวลาเหมาะที่สุดคือฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ สำหรับคนที่ชอบดูนก ไม่ควรพลาดที่จะไปเยือน “ช่องเย็น” เพราะถือเป็นสวรรค์ของคนรักนกก็ว่าได้ โดยเฉพาะ “นกเงือก”

© 2021 thairemark.com