“เศรษฐา”นายกรัฐมนตรี เผย เข้าเฝ้าฯ “สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย” เสนอแนวคิดปรับพื้นที่ชายแดนใต้ของไทยและภาคเหนือมาเลเซีย เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ ท่องเที่ยว การค้า และการลงทุน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้เข้าเฝ้าฯ สุลต่าน อับดุลละฮ์ เรียยาตุดดิน อัล-มุซตาฟา บิลละฮ์ ชะฮ์ อิบนี อัล-มาร์ฮุม สุลต่าน ฮาจี อะฮ์มัด ชะฮ์ อัล-มุซตาอิน บิลละฮ์ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย พระองค์ที่ 16 เมื่อเวลา 14.00 น. (เวลาท้องถิ่นมาเลเซียเร็วกว่าไทย 1 ชม.) วันที่ 11 ต.ค.2566
สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซียโดยได้ทรงฝากความระลึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีโดยเฉพาะในระดับราชวงศ์ ทั้งนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีทรงให้ความสนพระทัยในเรื่องการอนุรักษ์สัตว์ป่า พร้อมฝากถึงประเด็นในการล่าสัตว์ข้ามเข้ามาในเขตชายแดนไทยมาเลเซีย ซึ่งนายกรัฐมนตรีรับจะไปกำชับและกำกับเรื่องนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีก
นอกจากนี้สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซียยังทรงมีความสนพระทัยในเรื่องฟุตบอลเป็นพิเศษ โดยในปี ค.ศ. 2034 จะมีการแข่งขันเพื่อเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ซึ่งประเทศในกลุ่มอาเซียนกำลังจะเสนอตัว
ต่อจากนั้น ได้กล่าวถึงการหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เกิดประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะในประเด็นการท่องเที่ยว ไทยมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากมาเลเซียจำนวนมาก โดยผู้นำทั้งสองเห็นตรงกันว่าหากไทยและมาเลเซียมีความร่วมมือกันจะเอื้อประโยชน์ให้กับทั้งสองฝ่าย และมีพัฒนาการท่องเที่ยวดีขึ้นเป็นอย่างมาก ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้ตั้งคณะทำงานเพื่อพัฒนาในด้านการท่องเที่ยวร่วมกันด้วย
นอกจากนี้ยังได้หารือเกี่ยวกับประเด็นด้านการค้าชายแดน ซึ่งผู้นำทั้งสองเห็นพ้องที่จะให้ปรับปรุงและอำนวยความสะดวกเพื่อช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนของทั้งสองฝ่าย เช่น การสร้างสะพานสุไหงโกลกแห่งที่สอง ซึ่งเชื่อว่าจะเสร็จสิ้นโดยเร็วนี้ พร้อมจะเชิญนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเดินทางมาในช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งในประเด็นนี้ทั้งสองฝ่ายก็จะตั้งคณะทำงานขึ้นมาเช่นกัน
นายกรัฐมนตรีได้เสนอแนวคิดปรับพื้นที่ชายแดนใต้ของไทยและภาคเหนือของมาเลเซีย เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ โดยแนวคิดนี้ไม่เจาะจงเฉพาะพื้นที่ดังกล่าวเท่านั้น แต่จะเปลี่ยนหลายๆ พื้นที่ให้เป็นสนามการค้า โดยเป็นการสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เพื่อเชื่อมโยงและอำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างกัน เช่น สะพานสุไหงโกลก 2 และการก่อสร้างขยายด่านสะเดา จังหวัดสงขลา ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนและพัฒนาการค้าชายแดน รวมทั้งพัฒนาพื้นที่ให้เป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งสร้างงาน โดยทางการมาเลเซีย ยืนยันว่าจะให้ความช่วยเหลือไทยอย่างเต็มที่ ซึ่งต้องมีการประสานงานในเชิงลึกทุกภาคส่วน
ประเด็นที่สาม ที่ได้มีการหารือกันคือเรื่องความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งทางมาเลเซียมีความชำนาญในการออก Certification อาหารฮาลาล โดยทั้งสองฝ่ายพูดคุยหาความร่วมมือระหว่างมาเลเซียกับเอกชนไทย ตั้งโรงงานผลิตอาหารในไทยและให้มาเลเซียออก Certification ให้ รวมถึงประเด็น Food Tech ที่เชิญชวนให้เข้ามาร่วมมือกัน
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมาย โดยการทำงานมีเป้าหมายชัดเจน มีแผนงานที่ชัดเจน และมีการตั้งคณะทำงานให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งเดือน