เมื่อวันที่ 9 ต.ค.2566 ที่กระทรวงการต่างประเทศ นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงสถานการณ์ในอิสราเอลว่า ยังคงมีความรุนแรง โดยโจมตีด้วยจรวดจากฉนวนกาซา ฝ่ายรัฐบาลอิสราเอลพยายามกระชับพื้นที่ และช่วยเหลือตัวประกันผู้ถูกจับกุม ซึ่งขณะนี้มีการยืนยันยอดผู้ที่จับตัวทั้งคนอิสราเอลและชาติต่างๆอย่างน้อย 100 คน ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมของอิสราเอลประกาศให้อยู่ในภาวะสงคราม ซึ่งจะทำให้กองทัพมีอำนาจสั่งการในเรื่องความปลอดภัยและปิดสถานที่ต่างๆ โดยได้ประกาศอพยพพลเรือนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้พรมแดนฉนวนกาซา
นางกาญจนา กล่าวว่า ขณะนี้ยอดแรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บยังคงอยู่ที่ 8 ราย และถูกจับเป็นตัวประกัน 11 คน ส่วนยอดผู้เสียชีวิตที่ทางสถานทูตได้รับการยืนยันกับนายจ้าง คือ 12 ราย แต่ทางอิสราเอลยังไม่ได้ยืนยัน ทั้งนี้ กองทัพอิสราเอลได้เริ่มอพยพคนไทยในพื้นที่เสี่ยงภัยไปในพื้นที่ปลอดภัยแล้ว
กาญจนา ภัทรโชค
สำหรับการเดินทางกลับประเทศไทยของแรงงานไทยนั้น เราได้เตรียมเครื่องบินของกองทัพอากาศ ไว้เรียบร้อยแล้ว หากสถานการณ์พร้อมลำเลียงทางเราจะดำเนินการอย่างรวดเร็ว ทางอิสราเอลเองบอกว่าไม่จำเป็นต้องอพยพ แต่หากไทยต้องการอพยพก็พร้อมอำนวยความสะดวก ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ที่ผ่านมา ทางกระทรวงได้เริ่มเวียนหนังสือให้แรงงานไทยขอกลับประเทศแล้ว โดยมีแรงงานที่ต้องการกลับแล้ว จำนวน 1,099 คน และไม่ขอกลับ 22 คน
“จาการประเมินสถานการณ์ของนักวิเคราะห์ฝ่ายต่างๆ พบว่าปฏิบัติการณ์อาจยืดเยื้อได้ ซึ่งทางสถานทูตประสานงานอย่างใกล้ชิดกับทางการและท้องถิ่นอิสราเอล นอกจากทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประสานกับผู้แทนปาเลสไตน์ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ แล้ว ยังได้สั่งการสถานทูตอื่นด้วย”
ถามว่าจะต้องประสานกับประเทศข้างเคียงของอิสราเอส เพื่อนำเครื่องบินสแตนบายหรือไม่ นางกาญจนา ชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ในการประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน ก็ได้หารือกันเรื่องนี้ โดยเห็นว่าประเทศจอร์แดนเป็นประเทศที่ใกล้เคียง แต่ทั้งหมดอยู่ที่สถานการณ์ความปลอดภัยของพื้นที่ด้วย ซึ่งทางอิสราเอลยังยืนยันความปลอดภัย
ถามต่อว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ให้แรงงานไทยเดินทางกลับด้วยสายการบินพาณิชย์ นางกาญจนา กล่าวว่า หลายครั้งขึ้นอยู่กับจำนวนของผู้อพยพ เราไม่ได้ปิดทางเลือก โดยขณะนี้เตรียมเครื่องบิน c-130 และแอร์บัส 340 ไว้แล้ว
