สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐอเมริกา และนาโต ประณามเหตุโจมตีก่อการร้ายเล่นงานอิสราเอลของกลุ่มฮามาส พร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยระบุว่า พันธมิตรแห่งนี้มีสิทธิ์โดยชอบธรรมในปกป้องตนเอง ผิดกับทางสหประชาชาติและรัสเซีย ที่เรียกร้องให้ใช้ความพยายามทางการทูตป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งลุกลามบานปลาย
ผู้นำแห่งสหรัฐฯ ออกมาแถลงการณ์เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า แรงสนับสนุนของสหรัฐฯที่มีต่ออิสราเอลนั้น “แข็งแกร่งดั่งภูผาและไม่เปลี่ยนแปลง” หลังกลุ่มนักรบปาเลสไตส์ฮามาส สร้างความประหลาดใจด้วยการเปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่เล่นงานอิสราเอลมีผู้คนเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก “สหรัฐฯยืนหยัดเคียงข้างอิสราเอล เราจะไม่มีวันพลาดให้การสนับสนุนพวกเขา” ไบเดน กล่าวในถ้อยแถลงที่ทำเนียบขาว
เช่นเดียวกับองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต) ประณามการโจมตีก่อการร้ายของพวกฮามาสต่ออิสราเอล พันธมิตรของนาโต “เราขอส่งความห่วงใยถึงเหยื่อและบรรดาผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด ก่อการร้ายคือภัยคุกคามโดยรากฐานต่อสังคมเสรี และอิสราเอลมีสิทธิ์โดยชอบธรรมในการปกป้องตนเอง”
ขณะที่ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ออกมาเรียกร้องให้ใช้ความพยายามทางการทูตในตะวันออกกลาง เพื่อป้องกันความขัดแย้งไม่ให้ลุกลามบานปลาย ตามหลังการโจมตีใส่อิสราเอลของพวกฮามาส “ขอเรียกร้องใช้ทุกความพยายามทางการทูตหลีกเลี่ยงการลุกลามในวงกว้าง มีเพียงแค่การเจรจาเท่านั้น ที่จะทำให้ทางออกแบบ 2 รัฐ (Two-State Solution) สามารถบรรลุได้โดยสันติ”
ด้าน มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เรียกร้องให้กองกำลังอิสราเอลและปาเลสไตน์ แสดงความอดทนอดกลั้นและหยุดความเป็นปรปักษ์ติดอาวุธ “เราเรียกร้องทั้งปาเลสไตน์และอิสราเอล หยุดยิงในทันที ละทิ้งความรุนแรงและแสดงออกถึงความอดทนอดกลั้น”
สำหรับ “ฮามาส” กลุ่มนักรบปาเลสไตน์ ระดมพลเปิดฉากเข้าโจมตีขนาดใหญ่เล่นงานอิสราเอลอย่างชนิดเซอร์ไพรซ์ไม่คาดคิดตอนเช้ามืดวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยทั้งระดมยิงจรวดนับพันลูกจากดินแดนกาซา และทั้งส่งกำลังภาคพื้นดินบุกเข้าสังหารและจับผู้คนในเขตแดนรัฐยิว ขณะที่อิสราเอลตอบโต้แก้เผ็ดด้วยการถล่มโจมตีทางอากาศ ส่งผลให้ทั้ง 2 ฝ่ายเกิดการปะทะกันอย่างดุเดือดมีคนเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
