Thursday, 21 November 2024 - 7 : 33 pm
kanda_002
OIC_001
data-no-lazy="1"
kanda_002
OIC_001

‘พิมพ์ภัทรา’เร่งผลักดันภาคอุตฯสีเขียวเป็นมิตรต่อชุมชน

“พิมพ์ภัทรา”รมว.อุตสาหกรรม ผนึกกำลัง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเร่งผลักดันอุตสาหกรรมสีเขียวยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยไม่ให้กระทบชุมชน

เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2566 น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงานแสดงสินค้าบริการและการจัดการของเสียหรือ Environmental and Waste Management Expo 2023: EnwastExpo2023 จัดภายใต้แนวคิด “ร่วมขับเคลื่อนสู่โลกที่ดีกว่า” โดยมี นายดนัยณัฏฐ์ โชคอำนวย ที่ปรึกษา รมว.อุตสาหกรรม ดร.ไพลิน เทียนสุวรรณ เลขานุการ รมว.อุตสาหกรรม ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ดร.จุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม รศ.ดร.วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เครือข่ายพันธมิตรสิ่งแวดล้อมทั้งภาครัฐและเอกชนและสื่อมวลชนเข้าร่วมกิจกรรม ณ เวทีกิจกรรม อาคาร 6 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็คเมืองทองธานี

น.ส.พิมพ์ภัทรา กล่าวว่า จากการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลจะส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ อาทิ การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง อุตสาหกรรมสีเขียว และอุตสาหกรรมความมั่นคงของประเทศ รวมทั้งการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในประเทศ เพื่อให้เป็นเครื่องยนต์ใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และยกระดับศักยภาพการแข่งขันของประเทศ

ทั้งนี้ รวมไปถึงการพัฒนาต่อยอดเขตเศรษฐกิจพิเศษ และระเบียงเศรษฐกิจทั้ง 4 ภาค ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลอดจนการพัฒนาพื้นที่และเมือง ให้เป็นไปตามผังเมืองที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน เพื่อให้เกิดการกระจายความเจริญและกิจกรรมทางเศรษฐกิจไปสู่ภูมิภาค รัฐบาลจะไม่ละเลยเรื่องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ โดยจะสานต่อนโยบาย Carbon Neutrality เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำของอาเซียนในด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การพัฒนาที่ยั่งยืนจะเปิดประตูบานใหญ่สู่การค้าโลก ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทย

“กระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีการปฏิรูปการทำงาน เพื่อก้าวสู่ Eco Industrial for Carbon Neutrality โดยมุ่งยกระดับ “อุตสาหกรรมดี อยู่คู่กับชุมชนอย่างยั่งยืน” โดยวางกรอบการดำเนินงานไว้ 4 มิติ คือ มิติที่ 1 ความสำเร็จทางธุรกิจ มิติที่ 2 การดูแลชุมชนโดยรอบโรงงานอุตสาหกรรมมิติที่ 3 การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สู่อุตสาหกรรมสีเขียว มิติที่ 4 การกระจายรายได้ให้แก่ประชาชน และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยจะส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การวางระบบดูแล ควบคุม และกำจัดของเสียในภาคอุตสาหกรรมที่ไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชน การใช้พลังงานทางเลือก มุ่งสู่เศรษฐกิจชีวภาพ และเศรษฐกิจหมุนเวียน (Bio Circular Economy) เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดต้นแบบอุตสาหกรรมคาร์บอนเป็นศูนย์ (Zero Carbon Industry) ในลำดับต่อไป”รมว.อุตสาหกรรมกล่าว

ด้าน นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นผลมาจากสถานการณ์สิ่งแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะขยะและกากของเสียที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี จากรายงานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) พบว่าในปี 2560 ประเทศไทยมีปริมาณขยะประมาณ 27 ล้านตัน หรือประมาณ 74,998 ตัน/วัน โดยเฉพาะขยะภาคอุตสาหกรรมมีมากถึง 33 ตัน/ปี ที่เป็นอันตรายและไม่มีการกำจัดอย่างถูกวิธี ทั้งยังมีการทิ้งโดยผิดกฎหมาย จึงควรมีวิธีการจัดการขยะอย่างถูกวิธีเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ด้วยการเพิ่มจำนวนผู้ให้บริการกำจัดขยะและนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้

“สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มีนโยบายเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านการดำเนินงานของกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นกลุ่มสนับสนุนความยั่งยืนของอุตสาหกรรมไทยในภาพรวม และเราพร้อมเดินหน้านำนวัตกรรม เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในการกำจัดขยะ ของเสีย เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” นายเกรียงไกร กล่าว

นายเกรียงไกร ยังกล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “การร่วมขับเคลื่อนสู่โลกที่ดีกว่า” ซึ่งเป็นธีมในการจัดงานครั้งนี้ว่า มีองค์ประกอบด้วยกัน 3 ส่วน ได้แก่ 1. ต้นทาง ซึ่งเป็นผู้กำเนิดมลพิษและขยะ 2. ระหว่างทาง ซึ่งจะต้องอาศัยนโยบายของภาครัฐในการเข้ามากำกับดูแลเพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างถูกวิธี อันนำไปสู่การสร้างสิ่งแวดล้อมที่สมดุลและยั่งยืน 3. ปลายทาง ซึ่งเป็นผู้ที่จะช่วยลด บำบัด กำจัดมลพิษและขยะ โดยนำเครื่องมือเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าการลงทุนและการคืนกำไรสู่สังคม

ด้าน นายธีระพล ติรวศิน ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานการจัดงาน กล่าวว่า ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่กลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม ส.อ.ท. จัดงานขึ้น ภายใต้การสนับสนุนจากหน่วยงานที่กำกับดูแลสิ่งแวดล้อม อาทิ กรมโรงงานอุตสาหกรรม การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรมควบคุมมลพิษ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ รวมไปถึงภาคเอกชน ได้แก่ SCG, AMATA Facility และสมาคมวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย

งานนี้ ถือเป็นการฉลองครบรอบ 20 ปีของกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม ส.อ.ท. ที่ได้สนับสนุนการจัดการสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย โดยไม่ได้คำนึงถึงผลกำไร รวมไปถึงการมุ่งเน้นนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ในการจัดการมลพิษและของเสียที่เกิดจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่ภาคอุตสาหกรรม ชุมชน สังคม ไปจนถึงภาคครัวเรือน

“สำหรับงาน EnwastExpo2023 เราจะสนับสนุนให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียอย่างเต็มรูปแบบและครบวงจร มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจ มีการสัมมนานำเสนอองค์ความรู้ใหม่ให้ทันกับสถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนไป ตลอดจนการนำเสนอเทคโนโลยีการสื่อสารและกฎหมายใหม่ ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเราจะนำมาไว้ในงานนี้เพื่อเป็นแหล่งรวมให้กับผู้สนใจที่เกี่ยวข้องธุรกิจด้านนี้โดยเฉพาะ” นายธีระพล กล่าวเสริม

สำหรับ กิจกรรมภายในงานจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ประกอบด้วย 1.การจัดการแสดงเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆ ด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสีย พร้อมโชว์เทคโนโลยีนวัตกรรมรีไซเคิลต้นแบบ 2.การจัดเสวนาด้านสิ่งแวดล้อม เช่น หัวข้อ “การจัดการด้านสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย” และการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “กฎหมายว่าด้วยโรงงานและกฎหมายลูกที่ออกปี 2566 สำหรับผู้ก่อกำเนินกากอุตสาหกรรม และ 3. การจับคู่ทางธุรกิจ ระหว่างผู้ผลิตและจำหน่ายเทคโนโลยี ผู้ก่อกำเนิดกากของเสียการจัดการมลพิษจากต้นทางและผู้รับการบำบัด กำจัดและรีไซเคิลกากของเสียและมลพิษประเภทต่างๆ

ภายในงาน นอกจากจะมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่ให้การสนับสนุนทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมแล้ว ยังมีผู้บริหารโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลาง-ใหญ่กว่า 40,000 โรงงาน เจ้าหน้าที่และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ ตลอดจนนักวิชาการ นักศึกษาและประชาชนทั่วไป โดยคาดว่าจะมีผู้เยี่ยมชมงานแต่ละวันไม่ต่ำกว่า 10,000 คน นอกจากนี้ จะมีการเจรจาจับคู่ธุรกิจมากกว่า 300 คู่ มีการสัมมนาและเวิร์คช้อปอีกมากกว่า 20 หัวข้อ และมีบริษัทด้านสิ่งแวดล้อม/แบรนด์ดังเข้าร่วมจัดแสดงสินค้านวัตกรรมมากกว่า 100 บริษัท รวมทั้งการแสดงมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดังตลอดทุกวัน

ผู้ที่สนใจ สามารถเข้าร่วมงาน EnwastExpo2023 ได้ตั้งแต่วันที่ 4-6 ตุลาคม 2566 ที่อาคาร 6 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็คเมืองทองธานี

© 2021 thairemark.com