กำแพงเพชร-สะพานวังแขม อ.คลองขลุง ใกล้ถล่มลงน้ำปิง น้ำไหลเชี่ยวแรงขึ้นเรื่อยๆ เซาะตอม่อที่ทรุดอยู่เดิมเสียหายหนักขึ้น ผู้ปกครองรับลูกหลานเลิกเรียนวิ่งข้ามสะพานกลับบ้าน
บริเวณ “สะพานศรีมงคลวชิรานุสรณ์” (สะพานวังแขม) สะพานข้ามแม่น้ำปิงเชื่อมโยงระหว่าง ต.วังแขม ข้ามไป ต.แม่ลาด อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ซึ่งมีการทรุดตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา โดยผู้ปกครองในพื้นที่ได้มารอรับลูกหลานที่กำลังเลิกเรียนและเดินทางกลับบ้าน ซึ่งยังเดินเท้าเปล่าข้ามสะพาน รีบพาเด็กๆ วิ่งข้ามจุดบริเวณที่ทรุดตัว
นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจอีกครั้ง และสั่งการให้ออกคำสั่งห้ามเดินข้ามไปมาอย่างเด็ดขาด เพราะอาจเกิดอันตรายและสะพานพังถล่มได้ทุกเมื่อ โดยขณะนี้ระดับน้ำในแม่น้ำปิงไหลเชี่ยวแรง และมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหากฝนตกลงมาในพื้นที่ภาคเหนือ ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้น และทำให้สะพานทรุดพังลงในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน
สำหรับสะพานศรีมงคลวชิรานุสรณ์ หรือสะพานวังแขม สร้างขึ้นเมื่อปี 2547 และเปิดใช้งานจนถึงปัจจุบัน รวม 19 ปี พบว่าขณะนี้ตอม่อสะพานได้ทรุดตัวลงอย่างหนัก มองด้วยตาเปล่าเห็นได้ชัดเจน เนื่องจากปริมาณน้ำในแม่น้ำปิงไหลเชี่ยวแรง อันเนื่องมาจากปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในพื้นที่และมวลน้ำจากภาคเหนือไหลผ่าน ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พบว่าได้ยินเสียงลั่นของสะพานอยู่ตลอดเวลา มีรอยแตกร้าวบริเวณด้านบนสะพาน และตอม่อด้านล่างอย่างชัดเจน โดยเมื่อช่วงเวลา 10.00 น. วันที่ 2 ต.ค.66 เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานทางหลวงชนบทกำแพงเพชร ได้นำแท่นปูนมาวางปิดการจราจรถาวร เพื่อไม่ให้ประชาชนผ่านไปมาได้ โดยอาจจะส่งผลให้เกิดอันตราย และสะพานทรุดตัวพังถล่มได้ตลอดเวลา
ก่อนหน้านี้ช่วงต้นปี 2566 ที่ผ่านมาตอม่อของสะพานได้เกิดการทรุดตัวลงแต่ไม่มากนัก และทรุดตัวลงต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงช่วง พ.ค.66 ทางเจ้าหน้าที่จากแขวงทางหลวงชนบทกำแพงเพชร ได้นำป้ายและแท่นปูนแบริเออร์มาทำการติดตั้งเตือนห้ามรถใหญ่ที่มีน้ำหนักขับข้ามสะพานอย่างเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยและป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้ ซึ่งมีเพียงรถยนต์เล็กและจักรยานยนต์เท่านั้น ที่ยังสามารถขับผ่านได้ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบเรื่องและอยู่ในระหว่างรองบประมาณการซ่อมแซม ปี 2567 จากการทรวงคมนาคม ซึ่งเจ้าหน้าที่ทางหลวงชนบทกำแพงเพชร ได้แจ้งชาวบ้านและผู้นำท้องถิ่นว่าอยู่ในระหว่างรองบประมาณในปี 2567 ที่จะเตรียมซ่อมแชมให้กลับมาเปิดใช้งานได้เหมือนเดิม
ขณะที่ ชาวบ้านจำนวนมากที่ได้รับความเดือดร้อนจากการสัญจรไปมาทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำปิง ทั้งรถการเกษตรของชาวบ้าน รถขนส่งที่มีน้ำหนักสูงไม่สามารถข้ามไปมาได้สะดวก ต้องใช้เส้นทางอ้อมไปข้ามสะพานคลองขลุง และสะพานขาณุวรลักษบุรี ไกลกว่า 20-30 กิโลเมตร ขณะที่ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนในพื้นที่ได้บอกว่าช่วงนี้เป็นช่วงสอบปลายภาคเรียน ก็จะลำบากในการสัญจร บางรายจอดรถจักรยานยนต์และขอเดินข้ามไปอีกฝั่งเพื่อทำธุระเพราะขับอ้อมไม่ไหว