“วีไซ”จัดทัพปรับองค์ทรงเครื่อง ย้ายกองบัญชาการใหม่ใหญ่กว่าเดิม เติมสรรพอาวุธและกองกำลังหนุนทัพหลักออฟไลน์ จัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจ “ทีมนินจาช่วยขาย” รุกช่องทางตลาดออนไลน์ นำร่องเหล่าขุนพลผู้นำออฟไลน์ เสริมยุทธวิธีออนไลน์ พัฒนารูปแบบการสร้างยอดขายยุควิกฤตเชื้อไวรัส โควิค-19 ระบาด เล็งเป้าหมายทะลวงยอดปีนี้ 200 ล้านบาท
หลังจาก บริษัท วีไซ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เกิดวิกฤตผู้นำกลุ่มหนึ่งแตกทัพออกไปเปิดบริษัทใหม่ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ในขณะที่ บริษัทแม่ วีไซ ได้ประกาศชัดมุ่งมั่นลุยตลาดในประเทศไทย โดยสนับสนุน นายศุภพงศ์ จันทรวีรกุล ให้เป็นผู้บัญชาการเมืองไทย นำทัพกลุ่มผู้นำที่มีศักยภาพ เดินหน้าต่อไป โดยสามารถก้าวข้ามวิกฤตครั้งนี้มาได้ พร้อมกับการปรับองค์ทรงเครื่อง เพิ่มเติมเครื่องเมืองทางการตลาดและทีมงานให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลง ในสถานการณ์ยุควิกฤตเชื้อโรคร้ายไวรัส โควิค-19 ระบาด ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์นั่นก็คือ การบุกช่องทางการตลาดออนไลน์ เพื่อสนับสนุนการทำงานของสมาชิกให้มีศักยภาพยิ่งขึ้น
นายศุภพงศ์ จันทรวีระกุล ผู้จัดการทั่วไป ประจำประเทศไทย บริษัท วีไซ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าหลังจากที่มีผู้นำบางกลุ่มได้แยกตัวออกไปเปิดบริษัทใหม่ บริษัทแม่ก็ให้การสนับสนุน บริษัท วีไซ ประเทศไทย อย่างเต็มที่ผนวกกับเกิดวิกฤตเชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาดอีกครั้งเป็นรอบที่ 3 บริษัทจึงได้ปรับตัวกันอย่างหนัก ชนิดที่เรียกได้ว่า 360 องศา กันเลยทีเดียว โดยได้ชูกลยุทธ์การบุกช่องทางการออนไลน์ ภายใต้ โปรเจ็กต์ “นินจาช่วยขาย” ซึ่งได้จัดตั้งทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการตลาดออนไลน์ขึ้นมาเป็นทีมเฉพาะกิจ คาดว่าทีมงานนี้จะใช้เจ้าหน้าที่ประมาณ 30 คน พร้อมเจ้าหน้าที่ แบ็ค ออฟฟิต เพื่อดูแลโครงการนี้อย่างเต็มรูปแบบ รวมทั้งดูแลด้านสื่อโฆษณา การโปรโมทแบรนด์สินค้า และการขายในโลกออนไลน์
ที่สำคัญ บริษัทได้ทำการย้ายสำนักงานใหม่ใหญ่กว่าเดิม ตั้งอยู่ในโซนรัชดาใกล้อาคารเดิม เพื่อรองรับภารกิจ โปรเจ็กต์นินจาช่วยขาย ให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยจะเปิดใช้สำนักงานใหม่ภายใน กรกฎาคม 2564 นี้ ซึ่งสำนักงานแห่งใหม่ เป็นอาคารขนาด 7 ชั้น มีพื้นที่ชั้นละ 170 ต.ร.ม. รวมพื้นที่ทั้งหมด 1,200 ต.ร.ม. สามารถรองรับสมาชิกได้ทั้งหมดประมาณ 500 คน พร้อมที่จอดรถอีกกว่า 40 คันฟรีตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับ โปรเจ็กต์ นินจาช่วยขาย นั้น เกิดขึ้นภายใต้แนวคิด การสร้างทีมที่มีความเชี่ยวชาญด้านการขายทางการตลาดออนไลน์ ที่นำมาสนับสนุนงานขายให้กับสมาชิกที่ถนัดในการชวนคนเข้าร่วมทีม แต่ไม่ถนัดด้านงานขายสินค้า โดยมีภารกิจในการสนับสนุนงานขายให้กับตัวแทน “วีไซ ดีลเลอร์” ที่มีอยู่กว่า 40 แห่งทั่วประเทศ ให้สามารถขายและกระจายสินค้าได้ง่ายขึ้น
“ทีมงาน นินจา จะทำหน้าที่รับภารกิจในการขายปลีกผ่านทางระบบออนไลน์ แต่หากลูกค้าสนใจจะเข้าร่วมทำธุรกิจ ก็จะโยนรายชื่อลูกค้าไปให้กับ วีไซ ดีลเดอร์ ที่ใช้สิทธิ์ในการนำสินค้ามาฝากขายในพื้นที่นั้นๆ ซึ่งสมาชิกหนึ่งคนสามารถใช้สิทธิ์เพียงหนึ่งครั้งในการนำสินค้ามาให้ทีมนินจาช่วยขาย และเมื่อขายสินค้าให้ได้แล้วสมาชิกท่านนั้นๆก็จะได้รับคืนต้นทุนบวกกำไร แต่บริษัทจะหักค่าบริการประมาณ 20% เพื่อใช้เป็นค่าบริหารจัดการสำหรับทีมงาน นินจา”
ทั้งนี้ ทีมงาน โปรเจ็กต์ นินจาช่วยขาย ถือว่าเป็นพนักงานมีเงินเดือนในฐานะทีมตัวแทนขาย มีหน้าที่ทำการสอนการทำธุรกิจผ่านระบบออนไลน์แก่ผู้นำ ตั้งแต่เริ่มต้นวางระบบ การโฆษณาออนไลน์ และยังลงลึกถึงการลงมือปฏิบัติด้วย เพื่อสนับสนุนการขยายตลาดและองค์กรของสมาชิกและผู้นำ ในคอนเซ็ปต์ที่ว่า “ถ้าขายไม่ได้ เดี๋ยวเรามีทีมงานขายเข้าไปช่วย” อย่างไรก็ตามสำหรับทีมนินจาช่วยขายนั้น เมื่อผ่านช่วงทดลอง 3 เดือนไปแล้ว บริษัทจะทำการประเมินโปรเจ็กต์นี้อีกรอบ โดยคาดว่าหากสิ้นสุดการทำโปรเจ็กต์นินจาแล้ว ครึ่งหนึ่งของคนในทีมนินจาอาจมีแนวโน้มขอเปลี่ยนมาเป็นสมาชิกของบริษัทได้
“ บริษัทได้เพิ่มสินค้าใหม่ เป็นอาหารเสริมพืชเข้ามาตั้งแต่เดือนเมษายน ปรากฎว่าผลตอบรับดีมากจนน่าแปลกใจ ทั้งที่บริษัททำการตลาดผ่านระบบออนไลน์ แต่กระแสกลับดีมากๆในกลุ่มนี้ เป็นสินค้าที่ขายดีอันดับ 1 ในประเทศไทยกันเลยทีเดียว รองลงมา คือเครื่องสำอาง และ วิตามิน C ในขณะที่เรายังมีผู้นำระดับสูง ในระดับเอมเมอรัลกว่า 5 รหัส ที่สามารถทำยอดขายต่อทีมได้ประมาณ 4 – 5 ล้านบาทต่อเดือน เมื่อบริษัทปรับเปลี่ยนแผนการนำระบบออนไลน์ มาสนับสนุน เชื่อว่าในครึ่งปีหลังจะสามารถทำยอดได้มากขึ้น และทำให้ทั้งปีมีมียอดขายถึง 200 ล้านบาท ที่สำคัญเพราะผู้นำที่อยู่กับเรามีความเป็นทีมเวิร์ค มีแนวคิดที่ไปในทิศทางเดียวกัน จะต้องมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นแน่นอน”