ตำรวจสอบสวนกลางรวบหัวหน้าแก๊งหลอกลงทุน-คอลเซ็นเตอร์ชาวจีน พร้อมเครือข่ายในประเทศไทย พบฐานปฏิบัติการที่สามเหลี่ยมทองคำ สปป.ลาว ปูพรมตรวจค้น-ยึดทรัพย์ในพื้นที่ 4 จังหวัด เงินหมุนเวียนกว่า 3,000 ล้านบาท
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา เครือข่ายหลอกลงทุน-คอลเซ็นเตอร์ ตั้งแต่ระดับหัวหน้าเครือข่ายที่มีหน้าที่ควบคุมสั่งการศูนย์ปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของบ่อนคาสิโน “คิงส์โรมัน” ใน สปป.ลาว ลงไปจนถึงคนรวบรวมบัญชีม้าและคนรับจ้างเปิดบัญชีม้า ซึ่งในคดีนี้ได้ร้องขออนุมัติศาลอาญาเพื่อออกหมายจับ รวม 15 หมายจับ และสามารถจับกุมผู้ต้องได้หาทั้งหมด 11 ราย โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- MR. TENG JUN (เถิง จวิ้น) สัญชาติจีน (เป็นหัวหน้าเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์) โดยจับกุมที่ บ้านพัก ในพื้นที่แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.66
- น.ส.หงษ์ อายุ 25 ปี บุคคลไร้สัญชาติ (เป็นคนที่ทำหน้าที่ฟอกเงิน โดยการขายเหรียญคริปโตและนำเงินสดไปส่งมอบให้หัวหน้าเครือข่าย) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1852/2566 ลง 16 มิ.ย.66 จับกุมที่บ้านพักในพื้นที่แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.66
- นายนพดล อายุ 32 ปี (เป็นคนที่ทำหน้าที่รวบรวมบัญชีม้าจากฝั่งไทย ไปส่งมอบให้กับชาวจีนที่ควบคุมดูแลแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ สปป.ลาว) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1853/2566
ลง 16 มิ.ย.66 จับกุมที่บ้านพักในพื้นที่ ซ.พัฒนานิเวศน์ 12 ถ.สุขุมวิท 71 เขตพระโขนงเหนือ แขวงวัฒนา กทม. เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.66 - นายปิยะพงษ์ อายุ 36 ปี (เป็นคนที่ทำหน้าที่รวบรวมบัญชีม้าจากฝั่งไทย ไปส่งมอบให้กับชาวจีนที่ควบคุมดูแลแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ สปป.ลาว) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1739/2566 ลง 7 มิ.ย.66 จับกุมได้ที่ ม.4 ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย เมื่อ 13 มิ.ย.66
- นายณัฐวุฒิ อายุ 33 ปี (บัญชีม้า, กระเป๋าวอลเล็ตม้า) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1735/2566 ลง 7 มิ.ย.66 จับกุมได้ที่ ม.6 ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เมื่อ 13 มิ.ย.66
- นายนัทธพงศ์ อายุ 30 ปี (บัญชีม้า, กระเป๋าวอลเล็ตม้า) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1733/2566 ลง 7 มิ.ย.66 จับกุมได้ที่ ใกล้ปากซอยบ้านดู่ ม.3 ซ.4 ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย เมื่อ 13 มิ.ย.66
- น.ส.กาญจนา อายุ 35 ปี (บัญชีม้า, กระเป๋าวอลเล็ตม้า) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลศาลอาญา ที่ 1736/2566 ลง 7 มิ.ย.66 จับกุมได้ที่ ม.1 ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เมื่อ 13 มิ.ย.66
- นายนพพร อายุ 37 ปี (บัญชีม้า, กระเป๋าวอลเล็ตม้า) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1731/2566 ลง 7 มิ.ย.66 จับกุมได้ที่ ม.4 ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย เมื่อ 13 มิ.ย.66
- นางอังศุมาลินฯ อายุ 30 ปี (บัญชีม้า, กระเป๋าวอลเล็ตม้า) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1734/2566 ลงวันที่ 7 มิ.ย.66 จับกุมได้ที่ ม.11 ต.ห้วยไคร้ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อ 13 มิ.ย.66
- นายเอฯ (นามสมมติ) อายุ 33 ปี (พ่อค้าเหรียญคริปโต) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1738/2566 ลง 7 มิ.ย.66 จับกุมได้ที่ ม.1 บ้านกลางเวียง ต.เวียงชัย อ.เวียงชัย จ.เชียงราย เมื่อ 13 มิ.ย.66
- นายบีฯ (นามสมมติ) อายุ 33 ปี (พ่อค้าเหรียญคริปโต) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1740/2566 ลง 7 มิ.ย.66 จับกุมได้ที่ หมู่ 10 ต.มะขาม อ.มะขาม จ.จันทบุรี เมื่อ 13 มิ.ย.66 อยู่ระหว่างสืบสวนติดตามจับกุมตามหมายจับเพิ่มเติม อีก 5 ราย โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- MR.QIU DEWU (ชิว เตอร์อู่) สัญชาติจีน (กลุ่มบริหาร เปิดบริษัทในประเทศไทย ทำหน้าที่ฟอกเงิน)
- MR.QIU DECONG (ชิว เตอร์ชง) สัญชาติจีน (กลุ่มบริหาร ทำหน้าที่ฟอกเงิน)
- MR.ZHANG ZHIHONG (จาง จื่อหงส์) สัญชาติจีน (กลุ่มบริหาร หน้าที่รวบรวมบัญชีม้า, กระเป๋าวอลเล็ตม้า)
- นายอาเคอ อายุ 39 ปี สัญชาติไทย (บัญชีม้า, กระเป๋าวอลเล็ตม้า)
- นายจตุพร อายุ 37 ปี สัญชาติไทย (บัญชีม้า, กระเป๋าวอลเล็ตม้า)
โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน”
พฤติการณ์ สืบเนื่องมาจากเมื่อช่วงประมาณต้นปี พ.ศ.2566 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการร้องเรียนจากทางสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพได้นำชื่อสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไปแอบอ้างด้วยการเปิดเว็บไซต์หลอกลวงประชาชนให้นำเงินมาลงทุนในหุ้นทองคำ โดยใช้ชื่อเว็บไซต์ว่า Royal Gold
ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียหายหลงเชื่อนำเงินไปร่วมลงทุนกับกลุ่มมิจฉาชีพเป็นจำนวนมาก โดยจากการตรวจสอบ ตั้งแต่ มกราคม ถึง พฤษภาคม 2566 พบมีผู้เสียหายหลงเชื่อกว่า 2,000 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 500 ล้านบาท
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงมอบหมายให้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รับผิดชอบสืบสวนและติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เป็นผู้ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว
จากการสืบสวนโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. พบว่ากลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าวมีพฤติกรรมหลอกลวงโดยใช้บัญชีเฟซบุ๊กปลอมเป็นหญิงสาวหน้าตาดี ติดต่อเข้ามาพูดคุยกับผู้เสียหาย ตีสนิทด้วยการพูดคุยในลักษณะเชิงชู้สาว ก่อนจะชักชวนให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนในหุ้นทองคำผ่านเว็บไซต์ Royal Gold (เว็บไซต์ปลอมที่มิจฉาชีพสร้างขึ้นมา มีลักษณะคล้ายเว็บไซต์เทรดหุ้น มีกราฟแสดงมูลค่าของหุ้นตลอดเวลา) นอกจากนี้มีการแอบอ้างว่าเว็บไซต์ดังกล่าวเป็นเว็บไซต์ลงทุนในหุ้นทองคำที่เกี่ยวข้องกับสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือซึ่งในช่วงแรก มิจฉาชีพจะชักชวนให้ผู้เสียหายนำเงินมาทดลองลงทุน โดยจะให้ผู้เสียหายโอนเงินลงทุนไปยังบัญชีม้าที่เปิดเตรียมไว้ หลังจากลงทุนไปสักระยะเวลาหนึ่ง มิจฉาชีพจะคืนเงินต้น และให้ผลตอบแทนในการลงทุน (คิดเป็น 10% ของเงินลงทุน) จึงทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าการลงทุนดังกล่าวได้รับผลตอบแทนจริง
อีกทั้งในเว็บไซต์ดังกล่าวมีการแสดงยอดเงินลงทุนและผลตอบแทนให้เห็นตรงตามกับจำนวนเงินที่ผู้เสียหายลงทุนไป จึงยิ่งทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อนำเงินมาลงทุนเพิ่มมากยิ่งขึ้น แต่ภายหลังเมื่อผู้เสียหายต้องการจะถอนเงินออกจากเว็บไซต์ มิจฉาชีพจะหลอกให้ผู้เสียหายเสียค่าดำเนินการและเสียภาษีก่อน โดยเมื่อผู้เสียหายโอนเงินเพิ่มตามจำนวนที่มิจฉาชีพแจ้งแล้ว มิจฉาชีพจะบล็อกช่องทางการติดต่อ ทำให้ผู้เสียหายไม่สามารถติดต่อกับมิจฉาชีพได้อีก
จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า เมื่อผู้เสียหายโอนเงินเข้าไปยังบัญชีม้าตามที่มิจฉาชีพกล่าวอ้างแล้ว เงินทั้งหมดจะถูกนำไปซื้อเหรียญดิจิทัล (Cryptocurrency) ในสกุล USDT จากพ่อค้าคนกลาง หลังจากนั้นจะมีการโอนเหรียญดิจิทัลดังกล่าวเข้าไปยังกระเป๋าวอลเล็ตม้า (กระเป๋าดิจิทัลที่ถูกว่าจ้างให้เปิด) ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการฟอกเงินในรูปแบบเหรียญดิจิทัล โดยเป็นการยักย้ายถ่ายเทเหรียญคริปโตในเครือข่ายกระเป๋าเหรียญดิจิทัลที่มีมากกว่าร้อยกระเป๋า แต่ท้ายที่สุดก็พบว่าคนร้ายมีการโอนเหรียญดิจิทัลทั้งหมดไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัลของกลุ่มผู้บริหารเครือข่ายชาวจีนที่รับหน้าที่ฟอกเงิน โดยการนำเหรียญดิจิทัลที่ได้มาจากการฉ้อโกงไปขายแลกกลับมาเป็นเงินบาทไทย ก่อนจะนำเงินที่ได้มาไปส่งมอบให้กับหัวหน้าเครือข่าย ซึ่งรูปแบบการกระทำความผิดของกลุ่มมิจฉาชีพ พบว่าเป็นการกระทำความผิดในลักษณะขบวนการ มีแบ่งหน้าที่กันทำ
โดยจะแบ่งเป็น (1) หัวหน้า ทำหน้าที่ สั่งการ, (2) กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ ทำหน้าที่ ติดต่อพูดคุยและหลอกลวงเหยื่อ, (3) กลุ่มจัดหาบัญชีม้าและกระเป๋าม้า รวบรวมบัญชีต่างๆ นำไปมอบให้กับกลุ่มคอลเซ็นเตอร์, (4) กลุ่มบัญชีม้าและกระเป๋าวอลเล็ตม้า ทำหน้าที่รับจ้างเปิดบัญชีและกระเป๋าเงินดิจิทัล (5) กลุ่มที่ทำหน้าที่ฟอกเงิน แลกเปลี่ยนเงิน รวมถึงทำหน้าที่รับโอนเงินที่ได้มาจากการฉ้อโกงเพื่อนำไปซื้อเหรียญดิจิทัล และขายเหรียญดิจิทัลเปลี่ยนเป็นเงินบาทไทยและจากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า กลุ่มคนที่รับจ้างเปิดบัญชีม้าและกระเป๋าวอลเล็ตม้า ส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ จ.เชียงราย ได้รับค่าตอบแทนเป็นเงิน ประมาณ 3,000 – 4,000 บาท โดยกลุ่มผู้จัดหาและว่าจ้างจะเตรียมโทรศัพท์พร้อมซิมการ์ดมาให้กลุ่มผู้รับจ้างทำการยืนยันตัวตน (KYC) เพื่อเปิดบัญชีธนาคารพร้อมกับกระเป๋าแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัล (Wallet) หลังจากนั้นจะรวบรวมบัญชีม้าพร้อมโทรศัพท์มือถือที่ผูกกับกระเป๋าม้านำไปส่งให้กับนายทุนที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ที่ สปป.ลาว
จากข้อมูลในการสืบสวนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการรวบรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการ โดยในวันที่ 13 มิถุนายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังเข้าจับกุม ผู้ร่วมขบวนการใน กลุ่มของผู้จัดหาและรวบรวมบัญชีม้าและกระเป๋าวอลเล็ตม้า, กลุ่มรับจ้างเปิดบัญชีม้าและกระเป๋าวอลเล็ตม้า สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 8 ราย และหลังจากนั้น วันที่ 20 มิถุนายน 2566 มีการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 3 ราย เป็น หัวหน้าเครือข่าย, ผู้บริหารดูแลเรื่องฟอกเงิน และผู้รวบรวมบัญชี รวมผู้ต้องหาที่จับกุมได้ทั้งสิ้น 11 ราย จากนั้นได้มีการนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามผู้ต้องหาเบื้องต้น หนึ่งในผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่จัดหาและรวบรวมบัญชีม้า ให้การรับว่าตนเองได้รับการว่าจ้างมาจากนายทุนชาวจีน ว่าจ้างให้รวบรวมบัญชีม้าและกระเป๋าวอลเล็ตม้าของคนไทย และให้นำไปส่งมอบให้กับชาวจีนที่อยู่ในพื้นที่ของบ่อนคาสิโนคิงส์โรมัน ฝั่ง สปป.ลาว ซึ่งเป็นที่ตั้งของฐานปฏิบัติการ โดยตนจะได้รับค่าจ้างประมาณ 10,000 บาท ต่อบัญชี ซึ่งสาเหตุที่ตนรับจ้างทำงานในลักษณะนี้ เนื่องจากตนเองมีหนี้สินที่เกิดจากการเล่นพนันในบ่อนคาสิโนคิงส์โรมัน และนายทุนชาวจีนดังกล่าวเป็นคนภายในบ่อนคาสิโน ตนจึงถูกบังคับให้จัดหาและรวบรวมบัญชีม้ามาให้เพื่อใช้หนี้การพนัน
อีกทั้งจากการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถตรวจยึดทรัพย์สิน จำนวนหลายรายการ อาทิเช่น รถยนต์หรู จำนวน 3 คัน, เงินสด รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท, สร้อยคอทองคำ แหวน กว่า 30 รายการ, นาฬิกาหรู และกระเป๋าแบรนเนมด์, คอมพิวเตอร์, โน๊ตบุ๊ก, โทรศัพท์มือถือ, ซิมการ์ด, สมุดบัญชีธนาคาร และใบรับประกันทอง จำนวนหลายรายการและจากการตรวจสอบข้อมูลในคอมพิวเตอร์ที่ได้ตรวจยึดมา พบว่า มีกลุ่ม Telegram ซึ่งเป็นกลุ่ม Scammer จะมีการส่งภาพถ่าย หญิงสาวหน้าตาดี, ภาพอาหารราคาแพง, ภาพวาบหวิวของหญิงสาว และสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพื่อใช้ในการหลอกลวงเหยื่อให้ตกหลุม