Thursday, 6 February 2025 - 5 : 44 am
kanda_002
OIC_001
data-no-lazy="1"
kanda_002
OIC_001

ทลายรังเอเย่นต์ทุนจีนเครือข่ายแก๊งเงินกู้ทิพย์ออนไลน์ Ep:2 เสียหายกว่า 170 ล้าน

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คําชํานาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รองผบช.สอท. พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 ร่วมกันแถลงข่าวสรุปผลปฎิบัติการ Shutdown Fake Loan ทลายรังเอเย่นต์ทุนจีนเครือข่ายแก๊งเงินกู้ทิพย์ออนไลน์ Ep:2 หลังช่วงเช้าที่ผ่านมาทางบช.สอท.ได้ปิดล้อมตรวจค้น 3 จุดในพื้นที่กทม. ซึ่งเป็นคอนโด,อาคารชุดย่านสุขุมวิท และจับกุม น.ส.หยวน พร้อมของกลางเป็นคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ตุ๊กตาแบร์บลิค กล่องใส่นาฬิกาโรเล็กซ์ ปาเต๊ะ เครื่องประดับ Cartier สมุดบัญชีธนาคารภายในมีเงินหมุนเวียน 2 ล้านบาท เอกสารถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุด 3 ห้อง ห้องละ 24 ล้านบาท

ทั้งนี้ จุดที่น่าสนใจคือการเข้าตรวจค้นคอนโดหรูใจกลางกรุง ซึ่งเป็นที่พักของผู้ต้องหาหญิงชาวจีน หลังจากได้ทำการจับกุมหญิงชาวจีน ได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะเตรียมหลบหนี โดยหญิงคนดังกล่าวเป็นคีย์แมนสำคัญ ทำหน้าที่เอเย่นต์จัดทำธุรกรรมต่างๆให้กับขบวนการนี้ อย่างไรก็ตามตำรวจตรวจยึดพยานวัตถุ บัญชีธนาคารต่างๆ หลายรายการ

พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ กล่าวว่า ปฎิบัติการครั้งนี้เป็นการขยายผลการจับกุมเครือข่ายดังกล่าวที่ทางบช.สอท. ได้ออกหมายจับกุมผู้ต้องหากว่า 52 หมายจับ และจับกุมผู้ต้องหาได้ 37 ราย เมื่อปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา หลังขบวนการนี้สร้างความเสียหายหลอกเหยื่อกว่า 448 ราย มูลค่าความเสียหาย 170 ล้าน ให้กู้เงินผ่านเว็บไซต์และลิ้งค์ข้อความสั้น (SMS) โดยขบวนการดังกล่าวออกอุบายโฆษณาชวนเชื่อในลักษณะให้วงเงินสูง อัตราดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติเงินเร็ว และใช้เอกสารน้อย

จากนั้น จะให้แอดไลน์ติดตั้งแอปพลิเคชันเงินกู้ของมิจฉาชีพ มีการอ้างว่า ผู้เสียหายจะได้รับเงินที่ขอกู้ยืมจริง แต่ต่อมามีเงื่อนไขต่างๆ เช่น ต้องโอนเงินมัดจำก่อน ต้องทำกรมธรรม์คุ้มครองวงเงิน ต้องจ่ายค่างวดล่วงหน้า หรือแจ้งว่ามีการกรอกเลขบัญชีธนาคารผิด ต้องจ่ายเงินเป็นค่าเครดิต เป็นค่ารหัสผ่านในการถอนเงิน เป็นต้น เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปแล้วแต่กลับไม่ได้รับเงินเเต่อย่างใด เชื่อว่าถูกหลอกลวงจึงได้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ ผ่านระบบการรับแจ้งความออนไลน์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสืบสวนพบว่าขบวนการนี้กระทำความผิดมาตั้งแต่ปี 2565 โดยมีนายทุนชาวจีนเป็นตัวการหลัก ส่วนสองสามีภรรยาชาวจีน คือ นายโฮ จินโชว์ และน.ส.หยวน เจียน จะเปิดบริษัทในไทย ประกอบธุรกิจขายปลีกเครื่องสำอาง (บริษัท ชูราคอส (ประเทศไทย) จำกัด ) ทำหน้าที่เป็นผู้ทำธุรกรรมในลักษณะนอมินี การใช้ชื่อทำธุรกรรมซื้อทรัพย์สินต่างๆ ซึ่งเป็นเงินที่ได้มาจากการหลอกลวง จากนั้นจะแปรสินทรัพย์ไปให้ผู้ร่วมขบวนการ

ทางชุดสืบสวนจึงได้ทำการแกะรอยจนทราบว่าทั้งสองเตรียมหลบหนี จึงได้นำกำลังไปจับกุมน.ส.หยวนได้ที่ อาคารผู้โดยสารขาออกท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะเตรียมหลบหนีไปประเทศสิงค์โปร์ ส่วนนายโฮ ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปก่อนหน้านี้ หลังจับกุมได้นำตัวไปค้นที่ห้องพักและอาคารชุดที่ถือครองไว้ทั้ง 3 ห้อง ห้องละ 24 ล้าน ก่อนตรวจยึดของกลางได้

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของอาคารชุดดังกล่าวพบว่ามีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินออกไปแล้วบางส่วน เช่น รถยนต์ปอร์เช่ พานาเมร่า ราคา 11 ล้าน รถยนต์เบนซ์ นาฬิกาปาเต๊ะ และนาฬิกาโรเล็กซ์ ซึ่งจากนี้จะทำการขยายผลและติดตามต่อไป จากการสอบสวนยังคงให้การปฎิเสธ จึงนำส่งพนักงานสอบสวนบก.สอท.5 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ขบวนการนี้จะนำเงินที่ได้มาซื้อสินทรัพย์อีกทั้งเงินที่ได้จากเหยื่อไปซื้อเหรียญเงินสกุลดิจิตัล โดยยอมขายในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง จากนั้น จะมีการโอนเงินสกุลดิจิตัลไปยังบัญชีม้าดิจิทัล โดยจะเข้ากระเป๋าเงินดิจิตอล ImKey ที่เก็บข้อมูลออฟไลน์และทรัพย์สินดิจิทัล ภายในจะมีระบบที่เรียกว่า”ฮาร์ตแวร์วอลเล็ต” ซึ่งเป็นที่เก็บรหัสผ่าน ในการซื้อขายเงินสดุลดิจิตัล ทำให้การขยายผลเส้นทางการเงินมาตันอยู่ที่กระเป๋าเงินดิจิตัล เนื่องจากติดปัญหาเรื่องอิเล็กทรอนิค

© 2021 thairemark.com