เหมืองทองอัคราพิจิตรได้ฤกษ์กดปุ่มเดินเครื่องจักรเพื่อผลิตทองคำและเงิน เบื้องต้นเดินหน้าแค่ 1 โรงงาน โดยขณะนี้มีการจ้างพนักงานชาวบ้านคนพื้นที่ 250 คน รวมค่าแรงประมาณ 10-12 ล้านบาท/เดือน ส่งผลตลาดร้านค้าในชุมชนคนรอบเหมืองทองคึกคักขึ้นมาทันตาเห็น ตอบคำถามที่มีข่าว ป.ป.ช.ชี้มูล เจ้าหน้าที่ของรัฐและฝ่ายอัคราในเรื่องการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินว่า ข่าวมีความคลาดเคลื่อน ในขณะที่ตั้งความหวังจะได้รับโอกาสให้เข้าชี้แจงด้วยพยานและหลักฐาน มั่นใจอัคราไม่ได้ทำผิดกฎหมาย
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2566 นายวรงค์ สราญฤทธิชัย ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายบริหารองค์กร , นายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายความยั่งยืนขององค์กร บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 9 ตำบลเขาเจ็ดลูก อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร ได้เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวเข้าร่วมสังเกตการณ์การเปิดเดินเครื่องจักร โดย นายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกในการที่ บ.อัครา กลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้งภายหลังจากที่ได้รับใบอนุญาตต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการครบถ้วนแล้ว โดยในช่วงเวลานี้ บ.อัครา เริ่มการผลิตจากโรงงานที่ 2 ที่เพิ่งซ่อมแล้วเสร็จเพียงแห่งเดียวก่อน และหลังจากนี้อีกระยะหนึ่งถึงจะซ่อมโรงงานที่ 1 ที่เป็นโรงงานเก่ากว่า หากเมื่อซ่อมโรงงานที่ 1 เสร็จ บ. อัคราก็จะมีสองโรงงานที่ทำงานได้พร้อมๆ กัน และมีผลผลิตทองคำประมาณปีละ 5.5 ล้านตันสินแร่
สำหรับขณะนี้วันนี้ บ.อัคราเปิดเดินเครื่องเฉพาะโรงานที่ 2 ซึ่งได้มีการจ้างพนักงาน 90% เป็นคนในพื้นที่ 3-4 อำเภอ (พิจิตร-พิษณุโลก-เพชรบูรณ์ ) ซึ่งอยู่รอบๆ บ.อัครา ประมาณ 250-260 คน ซึ่งต้องมีการจ่ายค่าจ้างพนักงานในทุกระดับรวมกัน 10-12 ล้านบาทเศษ/เดือน ซึ่งเม็ดเงินหล่านี้จะช่วยหมุนเวียนกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ชุมชนที่อยู่รอบๆเหมืองทองอัครา ซึ่งสังเกตได้จากร้านค้าในชุมชน ตลาดนัด ตลาดสดยามเช้า-เย็น ร้านของชำ ต่างคึกคักด้วยเม็ดเงินจากค่าแรงส่วนนี้ ส่งผลให้การเงิน เม็ดเงิน หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจทวีคูณเป็น 2-3 เท่าตัว จึงถือได้ว่าการเปิดดำเนินกิจการของ บ.อัครา ในครั้งนี้ช่วยให้คนมีงานทำ มีเงินเดือน มีรายได้ทางตรงและร้านค้าในชุมชนก็ ได้รับอานิสงส์มีรายได้ทางอ้อมไปได้ด้วยกันทั้งคู่
นายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายความยั่งยืนขององค์กร บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่ช่วงนี้มีข่าวที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเจ้าพนักงานที่ดิน – บ.อัครา เกี่ยวข้องกับเรื่องการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน โดย นายเชิดศักดิ์ กล่าวว่า เท่าที่ได้อ่านข่าว คิดว่าเรื่องดังกล่าวยังมีประเด็นที่มีความคาดเคลื่อนในสาระสำคัญพอสมควร ซึ่งได้มอบหมายทางฝ่ายกฎหมายติดตามข้อมูลจากการชี้มูล และเตรียมความพร้อมในการเข้าชี้แจงกับ ป.ป.ช. และอัยการ ซึ่งก็หวังว่าจะได้รับโอกาสให้เข้าชี้แจงด้วยพยานและหลักฐาน ซึ่งทางบริษัทมั่นใจ บ.อัครา สามารถชี้แจงได้ทุกประเด็น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า บรรยากาศการเปิดเหมืองทองอัคราวันแรก ซึ่งมีพนักงานเก่าได้กลับเข้ามาทำงานและพนักงานใหม่ที่ได้เข้ามาทำงานวันนี้เป็นวันแรก สัดส่วนครึ่ง-ครึ่ง หรือเท่าๆกัน เลยทีเดียว บรรยากาศกับพนักงานใหม่โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ฝ่ายชุมชนสัมพันธ์มีการTraining เรื่องบทบาทหน้าที่และการสื่อสารกับชาวบ้านที่อยู่รอบ บ.อัครา ถึงเรื่องเงินกองทุนพัฒนาหมู่บ้านรอบเหมืองที่มีปีละ 15 ล้านบาทว่า ชาวบ้าน-ชุมชน-องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะสามารถเข้าถึงโดยทำโครงการเข้ามาให้คณะกรรมการพิจารณาขอใช้เงินเพื่อตอบสนองความต้องการในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งตามหลักเกณฑ์ใหม่ จะมีคณะกรรมการบริหารกองทุนที่เป็นคนในพื้นที่ จึงน่าจะเข้าใจปัญหาและความต้องของประชาชนได้ดีกว่าเดิม
โดย น.ส.จิรานุช ธัญญเจริญ จากหมู่ 2 บ้านวังขวัญ ตำบลวังโพรง และ น.ส.พร้อมพรรณ ขุนทอง อยู่ที่หมู่ 4 บ้านด่านช้าง ต.ท้ายดง อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ และเพื่อนๆ กว่า 10 คน ที่ล้วนเป็นบัณฑิตใหม่และเพิ่งได้ทำงานที่นี่ ได้แสดงความรู้สึก ร่วมงานที่ล้วนเป็นบัณฑิตจบใหม่และเพิ่งได้งานทำที่นี่เป็นครั้งแรกกว่า 10 คน ต่างเล่าว่า ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเป็นพนักงาน บ.อัครา ซึ่งเป็นโรงงานที่อยู่ใกล้บ้านทำให้ตัวเองมีงานทำ มีรายได้ และได้อยู่กับครอบครัว ซึ่งเมื่อตอนที่ บ.อัครา ถูกปิดกิจการไปหลายปีบวกกับสถานการณ์โควิด ทำให้เศรษฐกิจชุมชนแทบจะล่มสลาย หลายคนต้องออกจากบ้านไปหางานทำต่างถิ่นและในเมืองหลวง ตอนนี้ บ.อัครา ได้กลับมาเปิดดำเนินกิจการ หลายคนมีงานทำ มีเงินเดือนกิน เป็นรายรับทางตรง ส่วนพวกที่ไม่ได้ทำงานใน บ.อัครา ก็มีรายได้ทางอ้อม คือการทำมาค้าขายสินค้าและบริการต่างๆ จึงทำให้เศรษฐกิจในชุมชนกลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งทุกคนก็ภาวนาว่าขอให้กิจการของ บ.อัครา ดำเนินการไปได้อย่างตลอดรอดฝั่ง ชาวบ้านจะได้มีงานทำลืมตาอ้าปากกันเสียที
โดย…สิทธิพจน์ เกบุ้ย จังหวัดพิจิตร