Monday, 25 November 2024 - 10 : 18 am
kanda_002
OIC_001
data-no-lazy="1"
kanda_002
OIC_001

ตำรวจสอบสวนกลาง ปฏิบัติการตามยุทธการ “ฉีกหน้ากากโมเดลลิ่ง”จับกุมโมเดลลิ่งค้ากามเด็ก ผ่านสื่อสังคมออนไลน์

เนื่องด้วยรัฐบาลได้ตระหนักถึงปัญหาการค้ามนุษย์ที่เกิดขึ้น จึงสั่งการไปยังหน่วยงานความมั่นคง และทุกหน่วยที่ข้อง ให้ปฏิบัติการกวาดล้างขบวนการเครือข่ายค้ามนุษย์อย่างจริงจังต่อเนื่อง กองบัญชาการตำรวจสอบ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. จึงได้กำชับทุกหน่วยงานในสังกัด ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลในการปราบปรามนุษย์ เพื่อยกระดับสถานการณ์การค้ามนุษย์ในประเทศ (TP Report) จาก เทียร์ 6 เป็น เทียร์ 1 โดยกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ โดย พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.บก.ปคม. จึงได้มีการสืบสวนปราบปรามเครือข่าย ขบวนการค้ามนุษย์ในทุกรูปแบบ

โดยชุดสืบสวนออนไลน์ของ กก.๒ บก.ปคม, โดย พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.6 บก.ปคม., พ.ต.ท.เกียรติก้อง ทองคำ รอง ผกก.ฯ, พ.ต.ท.ปฐมพงศ์ มีอยู่ สว.ฯ ได้ร่วมกับสืบสวนพบว่า น.ส.ณัฐณรีย์ หรือ โมส้ม (ขอสงวนนามสกุล) มีพฤติการณ์เป็นหน้านายขายบริการทางเพศเด็กหญิง โดยมีการโฆษณา จัดหาพริตตี้ เด็กเอ็น รับงานเอ็น (เอ็นเตอร์เทน) รับงานวี โดยมีน้อง 1 รับงานทั้งนางแบบ สาวสวย นักเรียน นักศึกษา ในสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ทั้งทาง FACEBOOK และ TWITTER ชุดสืบสวนจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ขออนุญาตปฏิบัติการอำพราง (UNDER COVER) เพื่อรวบรวมพยายหลักฐาน และเข้าช่วยเหลือน้องเด็กหญิงผู้เสียหาย

เมื่อเดือนกันยายน 2565 ที่ผ่านมา ชุดสืบสวนของ กก.6 บก.ปคม. ได้ให้สายลับติดต่อ ขอซื้อบริการทางเพศกับน้อง เด็กหญิงผู้เสียหายในคดีนี้ ตามที่ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ลงโฆษณาขายบริการทางเพศไว้ โดยสายลับได้ติดต่อพูดคุยกับผู้ต้องหาที่ 1 ทาง LINE ผู้ต้องหาที่ 1 จึงได้ส่งภาพและรายละเอียดของน้องเด็กหญิงผู้เสียหายให้กับสายลับ และให้โอนเงินค่าบริการให้กับ ผู้ต้องหาที่ 1 แล้วนัดพบกับน้องเด็กหญิงผู้เสียหายที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน กทม.

จากนั้นชุดสืบสวนจึงได้เข้าช่วยเหลือน้องเด็กหญิงผู้เสียหายไว้ ทราบว่า เป็นเยาวชนอายุ 17 ปี จึงได้สอบสวนปากคำคัดแยกและสัมภาษณ์พบว่า เป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จึงได้ทำการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานจนทราบว่า ผู้ต้องหาในคดีนี้คือ 1.)น.ส.ณัฐณรีย์ฯ หรือ โมส้ม อายุ 32 ปี (ขอสงวนนามสกุล) 2.) น.ส.สุชัญญาฯ หรือ โมดาว อายุ 21 ปี (ขอสงวนนามสกุล มีพฤติการณ์ร่วมกันจัดหาเด็กหญิงผู้เสียหายในคดีนี้ขายบริการทางเพศให้กับลูกค้า มาแล้ว จำนวน 2 ครั้ง จึงขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสอง

ในข้อหา “สมคบกันค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีโดยกระทำแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกิน สิบแปดปีฯ” และได้สืบสวนขยายผล ผู้ซื้อบริการทางเพศเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 2 ราย ดังนี้


1.)นายวรคุณฯ อายุ 40 ปี (ขอสงวนนามสกุล) อาชีพ พนักงานบริษัท
2.)นายสิวินทร์ฯ อายุ 40 ปี (ขอสงวนนามสกุล) อาชีพ ธุรกิจส่วนตัวจึงขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ซื้อบริการในข้อหา “พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดา มารดาเพื่อการอนาจารฯ” ต่อมาเมื่อวันที่ 20 ต.ค.2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคม. การปฏิบัติการนำโดย พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม.,พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก.ปคม. และ พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.2 บก.ปคม. ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปคม. นำหมายคันเข้าตรวจคันจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ภายใต้ยุทธการ “ฉีกหน้ากากโมเดลลิ่ง” เข้าตรวจค้นจับกุมตามหมายจับของศาลอาญาได้ครบทั้ง 4 เป้าหมาย โดยจับกุมผู้ต้องหา “ค้ามนุษย์” จำนวน 2 ราย ดังนี้
1) น.ส.ณัฐณรีย์ฯ หรือ โมส้ม อายุ 32 ปี จับกุมได้ที่ บ้านพักย่าน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี
2)น.ส.สุชัญญาฯ หรือ โมดาว อายุ 21 ปี จับกุมได้ที่ ห้องพักย่าน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
พร้อมกันนี้ได้ตรวจยึด โทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชีธนาคาร และบัตรกดเงินสด ที่เป็นพยานหลักฐานเกี่ยวข้องในคดีได้อีก
จำนวนหนึ่ง ซึ่งในชั้นจับกุม-ชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาทั้งสองรายให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาและยังจับกุมผู้ซื้อบริการทางเพศเด็กหญิงอายต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 2 ราย ดังนี้


1 ) นายวรคุณฯ อายุ 40 ปี อาชีพ พนักงานบริษัท จับกุมได้ที่ บ้านพักย่านบางพลัด กรุงเทพมหานคร
2)นายสิวินทร์ฯ อายุ 40 ปี อาชีพ ธุรกิจส่วนตัว จับกุมได้ที่ บ้านพักย่านบางบอน กรุงเทพมหานคร
พร้อมกับตรวจยึด โทรศัพท์มือถือที่มีข้อมูลการติดต่อสื่อสารกับผู้ต้องหาที่อ้างตนเป็นโมเดลลิ่งสองรายดังกล่าวในการซื้อบริการ
ทางเพศเด็ก โดยในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาทั้งสองรายให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

โดยโมส้มให้การรับสารภาพว่า “เคยทำงานเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง แต่มีปัญหาชีวิต เนื่องจากกู้เงินสินเชื่อส่วน มาลงทุนทำธุรกิจกับเหมาก่สร้างกับแฟนจนเป็นหนี้สินจำนวนมาก จึงลาออกจากงาน เนื่องจากเกรงว่า ตัวมาทำงานอิสระโดยได้รับคำแนะนำจากคนที่รู้จักให้ เป็นโมเดลลิ่งหาเด็กมารับงานเอ็น งานวี เนื่องจากมีรายได้ดี จึงผันตัวมาทำโมเดลลิ่ง โดยทำงานนี้มานาน 3 ปี แต่น้องผู้เสียหายในคดีนี้ เพิ่งได้ติดต่อหางานให้น้องเพียง 3 ครั้ง โดยไม่ได้รู้จักกันเป็น
การส่วนตัวมาก่อน ได้รายละเอียดของน้องผู้เสียหายในคดีนี้จาก บอร์ดไลน์รับงานเอ็นวี ของกลุ่ม โมเดลสิ่ง” มดาวนั้นรับสารภาพว่า “ตนเองเคยเป็นเด็กเอ็นเตอร์ทนมาก่อน แล้วพบว่ามีรายได้ดี จึงได้ผันโมเดลลิ่ง และได้รายละเอียดน้องผู้เสียหายมาจากไลน์กลุ่มโมเดลลิ่งเช่นกัน โดยตนเองได้เงินส่วนต่างประมาณ 3,000 บาท”

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มีความห่วงใยเด็กผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อของกระบวนการค้ามนุษย์ เพราะนอกจากความเสียหายทางร่างกายที่เกิดขึ้นกับเด็กเหล่านี้แล้ว ยังมีความเสียหายทางจิตใจที่จะฝังรากลึกและ เป็นผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในอนาคต สิ่งที่น่ากลัวของการค้ามนุษย์ในปัจจุบันนี้คือผู้กระทำผิดและเด็กไม่เคยเจอกันมาก่อนเลยจึงไม่ทราบว่าคนที่ตนสื่อสารด้วยนั้นเป็นตัวตนจริงตามที่ได้แจ้งไว้หรือไม่ าจจะทำให้เด็กที่หลงเข้ามาสู่กระบวนการนี้เกิดอันตรายกับตนเองได้ จะเห็นได้จากคดีสำคัญๆในอดีตที่เป็นเหตุเศร้าสลด ไม่ว่าจะเป็นคดีฆ่ายัดหีบเหล็กถ่วงน้ำ 3 รายที่ สน.เพชรเกษม ซึ่งคาดว่าจะเป็นหยื่อจากการซื้อบริกรในลักษณะนี้หรือแม้กระทั่งคดีที่พริตตี้สาวถูกมอมเหล้าและบังคับเสพยาจนเกินขนาดและเสียชีวิต จึงฝากเตือนภัยพี่น้องประชาชนที่อาจตกเป็นผู้เสียหาย ให้ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ให้สังเกตพฤติกรรมของ บุตรหลานว่ามีการใช้จ่ายเงินฟุ้งเฟ้อเกินตัว และหมั่นตรวจสอบการใช้สื่อออนไลน์ของเด็กว่ามีความผิดปกติน่าสงสัยหรือไม่

นอกจากนี้ยังฝากเตือนผู้ใช้บริการทางเพศเด็กอย่าเพียงเพราะเห็นแก่ความสนุกชั่วครั้งชั่วคราว และคิดว่ากระทำไปแล้วไม่มีใครรู้หรือจับได้ ขอให้พึงระลึกเช่นกันว่าพยานหลักฐานการกระทำผิดก็จะยังคงอยู่ และสามารถนำมาดำเนินคดีได้ในภายหลังโดยมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี อัตราโทษสูงสุด จำคุก 10 ปี ปรับ 200,000 บาท

ขณะเดียวกันฝากเตือนผู้ที่คิดจะตั้งตัวเป็นเอเย่นต์, นายหน้า หรือโมเดลลิ่ง ค้าบริการทางเพศเด็ก เพียงเพราะเห็นแก่รายได้ส่วนต่าง จากการค้าประเวณี ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์ ที่มีอัตราโทษสูง จำคุกกว่า 15 ปี ปรับสูงสุดถึง 1,500,000 บาท และยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานจัดให้มีการค้าประเวณีระหว่างผู้ซึ่งค้าประเวณีกับ ผู้ให้บริการ ที่มีอัตราโทษสูงสุดจำคุก 20 ปี ปรับ 400,000 บาท หรือจำคุกตลอดชีวิต พร้อมกันนี้ความผิดฐานค้ามนุษย์ยังเป็นความผิดมูลฐานหนึ่งในกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งอาจถูกยึดทรัพย์ได้เช่นกันหากประชาชนมีเบาะแส หรือได้รับความเดือนร้อน สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ โทรสายด่วน 1191 หรือเพจเฟสบุ๊ค กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ “เป็นมืออาชีพด้วยเทคโนโลยีทันสมัย คืนคุณค่าความเป็นคน ประชาชนได้พึ่งพา”ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ โทรศัพท์ : 0875529555

© 2021 thairemark.com